รายงานข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งว่า ในวัน 5 มีนาคม  คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีวาระการประชุมในการพิจารณาคำร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา154 วรรคหนึ่ง (1) ว่าร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดผู้ร้องและผู้ถูกร้องยื่นคำแถลงปิดคดีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยคณะตุลาการจะมีการอภิปรายเพื่อกำหนดประเด็นในการพิจารณาวินิจฉัย และจะพิจารณาว่าจะสามารถกำหนดวันอ่านคำวินิจฉัยในคำร้องดังกล่าวได้เลยหรือไม่ 

 

สำหรับคดีนี้  ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ตั้งประเด็นพิจารณาเป็น  2 ประเด็น 1.กระบวนตรากฎหมายชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ และ 2.เนื้อหาขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

 

โดยตัวแทน ฝ่ายรัฐบาลที่เข้าเบิกความ ก่อนหน้านี้    ประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2557

 

และวันเดียวกันนั้น  นายสุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นว่า ประเทศไทยต้องการปฏิรูปทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการศึกษา ไม่ใช่ระบบคมนาคมอย่างเดียว และขอให้ไปคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบก่อนจะลงมือทำ ทั้งนี้เห็นว่ารถไฟความเร็วสูงยังไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย และอยากให้คำนึงถึงภาระหนี้ที่จะเกิดขึ้นอีก 50 ปี ข้างหน้าอีกด้วย

 

 นายสุพจน์ กล่าวตอนหนึ่งว่า    "เอเชี่ยนไฮเวย์ เอสแคปเขาศึกษามาเป็น 20-30 ปีก็ยังทำไม่ได้ เพราะมีปัญหาติดขัดภายใน ถนนลูกรังน่ะให้หมดไปจากประเทศไทยก่อน ทำแอสฟัลต์ หรืออะไรต่างๆให้เสร็จก่อน ก่อนที่จะไปคิดระบบความเร็วสูง ความเร็วสูงความคิดเห็นส่วนตัวนะ มันยังไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทยเลย และเงินกู้ 2 ล้านล้านคุณชัชชาติตายไปเกิดใหม่ มายังรุ่นลูก รุ่นหลานยังใช้เงินไม่หมดเลย"

 

ต่อมา   วันที่ 12 ก.พ.  คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ไต่สวนคำร้อง นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 นายทนง พิทยะ อดีตรมว.คลัง  นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง และน.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง  ซึ่งแนวเบิกความส่วนใหญ่ ไม่เป็นคุณกับฝ่ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์  

 

ทั้งนี้ การสืบพยานปากสำคัญ คือ นางสาว รังสิมา รอดรัศมี  อดีตส.ส. สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ที่นำคลิปเสียบบัตรแทนกันในการประชุมสภาพิจารณาพ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้าน มาเป็นพยานหลักฐาน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ เคยรับฟังกรณีเสียบบัตรแทนมาลงโทษในคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว. มาแล้ว

 

 จากนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ให้ นายคํานูณ สิทธิสมาน และคณะ รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะ ในฐานะผู้เสนอความคิดในคดี และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมในฐานะหัวหน้าคณะรัฐมนตรี  ยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีเป็นหนังสือต่อศาล ภายในวันที่ 27 ก.พ. และในวันที่  5 มีนาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาวินิจฉัยคดีดังกล่าว

 

เครดิต มติชน