ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนแจ้งวัฒนะ นายชัยเกษม นิติสิริ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ โดยนายชัยเกษมกล่าวว่า จากการชุมนุมของ กปปส.ทำให้เกิดความวุ่นวาย มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำ ซึ่งถูกคดีกบฏและการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นคดีพิเศษและมีการแจ้งข้อกล่าวหาแกนนำอีก 58 คน ตามกฎหมายอาญา รวมทั้งการชุมนุมมีการยกระดับเพิ่มความรุนแรงจนมีการปิด กทม. ตั้งเวทีบนถนนสำคัญหลายแห่ง เดินขบวนบุกรุกสถานที่ราชการต่างๆ เพื่อให้ทำงานไม่ได้ ขณะที่คนที่ไม่เห็นด้วยจะถูกคุกคามต่างๆ จนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการไม่ให้เกียรติ คุกคามขณะปฏิบัติราชการตามหน้าที่

 

"เจ้าหน้าที่ของรัฐยังคงทำหน้าที่ของตนอย่างไม่ย่อท้อ รัฐบาลจึงขอชื่นชมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคน ที่มุ่งมั่นทำหน้าที่ตามภารกิจอย่างเต็มที่ แม้จะใช้ความอดทนอดกลั้นที่ไม่สามารถทำงานสถานที่ปกติได้ ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามเต็มที่ให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานสามารถทำงานได้ตามปกติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ก็ยังสามารถใช้บริการของรัฐได้ตามปกติ" นายชัยเกษมกล่าว

 

 

 

ด้านนายธาริตกล่าวถึงเหตุการณ์วันที่ 20 มกราคมที่แกนนำ กปปส.บางส่วนนำมวลชนไปปิดล้อมอาคารซอฟต์แวร์ ปาร์ค ที่เป็นสถานที่ทำงานชั่วคราวของกระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอ รวมทั้งเอกชนอื่นๆ ได้มีผู้ชุมนุมเข้าไปตามชั้นต่างๆ และข่มขู่ไล่ต้อนให้ออกจากที่ทำงาน รวมทั้งเอาโซ่ปิดคล้องทุกชั้นทำให้ทำงานไปไม่ได้ และที่ร้ายแรงที่สุดคือแกนนำได้เข้าล้อม พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ด่าว่า ขู่เข็ญ บังคับ จนถึงขั้นที่ พ.ต.อ.นิรันดร์ ซึ่งอายุมากแล้วต้องยกมือไหว้ขอร้องไม่ให้ทำร้ายหรือกระทำความรุนแรงว่า การกระทำดังกล่าวนอกจากผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการสร้างแบบอย่างที่รุนแรงที่ไม่เคยเกิดในประเทศไทยมาก่อน ตนในฐานะอธิบดีขอประณามการกระทำของแกนนำ กปปส. และขอให้ยุติ และแม้ดีเอสไอจะสามารถป้องกันตัวได้ โดยการใช้อาวุธต่างๆ ได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังยึดหลักตามนโยบายของรัฐบาลที่ไม่ใช้ความรุนแรง

 

นายธาริตกล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าอาคาร สถานที่ราชการถือเป็นสมบัติของบ้านเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของ การกระทำของ กปปส.เป็นการทำให้ทรัพย์สินราชการเสียหายจึงเป็นการทำร้ายประชาชนโดยตรง ยืนยันว่าแต่แม้สถานการณ์ยากเพียงใด ข้าราชการดีเอสไอจะยังคงทำงานต่อไป เพราะเป็นหน้าที่ที่ไม่อาจละเว้นหรือเพิกเฉยได้ และขอวิงวอนประชาชนหลีกเลี่ยงการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย และช่วยกันยุติความเสียหายของบ้านเมืองโดยตรง