นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีปทุมวัน พร้อมกล่าวเชิญชวนให้พี่น้องข้าราชการทุกคน มาร่วมชุมนุมกัน พร้อมทั้งยังขอให้พลเอกประยุทธ์ ออกมายืนเคียงข้างประชาชน เพื่อล้มรัฐบาลของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และประกาศว่า วันนี้ (17 มกราคม 2557) จะมีการเดินขบวนอีก เริ่มต้นที่สวนลุมพินี และจะมีการตั้งเวทีเพิ่มอีก 2 เวทีด้วย

 

 

           ทั้งนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ถึงพี่น้องทุกคนที่ได้สู้มาด้วยกันทุกเวที ในวันนี้ต้องขอขอบคุณ ในวันนี้ บรรดาสมุนต่างส่งเสียงเชียร์ยิ่งลักษณ์อย่างแข็งขันไม่ให้ลาออกจากรักษาการณ์นายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งยังมีการพูดกันว่า มวลมหาประชาชนเป็นคนปักษ์ใต้ทั้งนั้น เดี๋ยวก็หมดแรง เดี๋ยวก็กลับบ้าน เขาปรามาสว่าสู้ได้ไม่เกิน 3 วัน แต่เราสู้มาได้นานแล้ว ไม่มีหมดแรง ท้อ หรือกลับบ้าน จะกลับบ้านเมื่อได้ชัยชนะเท่านั้น ประชาชนไม่กลับบ้านมือเปล่า ลงทุนมามากแล้ว ต้องเอาให้ได้จนกว่าจะชนะ

 

           นอกจากนี้ ในบรรดาบ่างที่ยังยุให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ในตำแหน่งนั้น มีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล, นายเฉลิม อยู่บำรุง, นายประชา พรหมนอก, นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ, นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายชัยเกษม นิติสิริ ตนเข้าใจดี เพราะถ้ายิ่งลักษณ์ออก ทุกคนก็ตกงาน คนเหล่านี้ชีวิตเหมือนเห็บเหา ต้องอาศัยเกาะคนอื่น ถ้ายิ่งลักษณ์เป็นอะไรพวกนี้ก็ต้องเกาะคนอื่นกิน นอกจากนี้ยังมีคนที่อยู่วงนอกอย่าง นายจตุพร พรหมพันธ์, นางธิดา ถาวรเศรษฐ , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ ที่บอกว่า นปช. มีคนมากกว่า แต่ที่เห็นนั้นคือหมาลอบกัด ที่ชุมนุมมาก็ปลอมตัวกันมาทั้งนั้น และมีอันพาลมาระรานทุกเวที ไม่ว่าจะย้ายไปไหนก็ตามมาก่อเหตุ และก่อเหตุร้ายมาทั้งหมดกว่า 25 ครั้ง หวังจะให้มวลมหาประชาชน ตกใจ ไม่ต่อสู้ กลัว และรีบกลับบ้าน แต่คิดผิดเสียแล้ว แต่ยิ่งใช้อำนาจกวนเมือง ยิ่งทำให้สู้หนักเข้าไปอีก นอกจากนี้ กลุ่ม นปช. ยังใส่ร้ายว่ามือที่สามสร้างสถานการณ์ ก่อเหตุร้ายทั่วกรุงเทพ คลุมหัว ฆ่าเจ้าหน้าที่ แต่สืบได้จับได้ก็คือเสื้อแดงทั้งนั้น ดังนั้นวันนี้ ไม่มีใครเชื่อแล้วว่าเป็นมือที่สาม

 

           ส่วนตำรวจที่มีหน้าที่รักษากฎหมาย แต่ไม่สามารถจับคนร้ายที่ก่อกวนได้ ก่อเหตุร้ายกลางเมืองหลวง 25 ครั้งแต่จับไม่ได้ และที่ทำถึงขนาดมีคนเสียชีวิตที่ดินแดง นั่นเป็นเดือนแล้ว แต่ไม่ออกมาแถลงว่าคนยิงคือใคร มิหนำซ้ำ นายดาบตำรวจณรงค์ ก็ไม่แถลงว่าจะจับใคร แต่สุดท้ายกลับมีภาพตำรวจบนตึกกระทรวงแรงงาน แต่กลับจับไม่ได้ รัฐบาลเองก็ไม่รับผิดชอบเลย

 

 

           นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังเคยบอกว่า นายสุเทพ นำคนที่มีอาวุธ ระเบิดปิงปอง ยาเสพติด เข้ามาในการชุมนุม และสุเทพต้องรับผิดชอบ ตนเองเป็นกำนัน กล้าทำกล้ารับ ไม่ได้ขี้ขลาด หากมีจริงก็ขอให้แสดงหลักฐานออกมาเลย

 

           สิ่งที่นายณัฐวุฒิพูดไปนั้น หลายครั้งย้อนเข้าตัวเอง เขาเป็นคนสั่งให้มีการเผาบ้านเผาเมื่อง คนเผาถูกศาลสั่งจำคุก แต่นายณัฐวุฒิไม่เคยไปดู แต่ตัวเองกลับเป็นรัฐมนตรี และที่นายณัฐวุฒิบอกว่าจับปืนได้ 12 กระบอก จับระเบิดปิงปอง มีด บอกชื่อมาเดี๋ยวตนเองไปรับผิดชอบ

 

           ส่วนที่นายณัฐวุฒิบอกว่า นายสุเทพบอกให้คนหยุดงาน แต่ พรรคประชาธิปัตย์กลับไม่หยุด เพราะเลยช่วงนัดหยุดงานมาแล้ว เพราะตอนนี้ถึงขั้นหยุดราชการ ยกระดับมาแล้ว และยังบอกว่าแหล่งอยู่ศาลาว่าการกรุงเทพ เป็นที่ช่วยเหลือกลุ่ม กปปส. เพื่อเอาไปโยงกับ ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เกี่ยว พยายามหาเรื่องปลด ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ท้าเลยว่าให้ปลด ไหนว่ามีอำนาจ แต่ไม่กล้าปลด ตนภาวนาให้ปลดสุขุมพันธ์ทุกวัน เพราะคนเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ 2 ล้านคน เท่ากับออกบัตรเชิญแขกปลดสุเทพ เดี๋ยวจะไปขอบคุณถึงบ้าน

 

           และที่เห็นบอกว่าอภิสิทธิ์และชวนมาขึ้นวที กปปส. นั้น เขามาเยี่ยมเยียนประชาชน ยืนยันว่าตนเองไม่หวนคืนการเมืองอีกแล้ว และที่บอกว่าถ้าทำการคราวนี้สำเร็จ หลังการปฏิวัติจะมีการแต่งตั้ง ประชาธิปัตย์ไปเป็นรัฐบาล อย่ารีบตาย เพราะคนที่แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีคือนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งของประชาชน เป็นคนในประเทศเลือกที่มา ซึ่งตนยังไม่มีชื่อใครในใจ และยังไม่มีการแต่งตั้งคนเป็นคณะรัฐมนตรี เพราะยังไม่ถึงเวลา

 

           ส่วนที่นายณัฐวุฒิโจมตีว่า นายสุเทพประกาศขายที่ดินขายทรัพย์มาใช้ในการต่อสู้ แต่จากการตรวจสอบ พบว่า ยังไม่มีการขายทรัพย์สิน เนื่องจากเงินก้อนแรกมาจากการจำนองที่ดิน เป็นที่ที่เกาะสมุยก้อนแรกมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท ส่วนที่ดินแปลงที่ 2 เป็นชื่อลูกชาย ลูกสาว ซึ่งเป็นที่ดินบนเกาะสมุยเช่นกัน ลูกนำที่ดินไปไปขาย เพื่อเอาเงินมาให้พ่อต่อสู้ อีกทั้งตนมีที่ดินอีกเยอะเพราะเป็นกำนันเก่า และมีพอที่จะขายสู้กันได้อีกนาน ใจถึงมากกว่าพวกรับจ้างทำม็อบแบบณัฐวุฒิ เพราะแต่ก่อนณัฐวุฒิหากินกับสภาโจ๊ก แต่วันนี้ หากมวลมหาประชาชนชนะ นายณัฐวุฒิถูกยึดทรัพย์แน่นอน นอกจากนี้ ตนเองจำเป็นต้องลุกขึ้นต่อสู้ เพราะอยากให้ไทยมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ไม่ให้คนโกงหรือซื้อเสียง ป้องกันไม่ให้คนอย่างนายณัฐวุฒิได้ดีอีก

 

           ส่วนที่นายณัฐวุฒิบอกว่า นายสุเทพเอาตัวเองไปเปรียบกับเนลสัน แมนเดลา และ มหาตมะ คานธีนั้น ตนเองไม่เคยเอาตัวเองไปเทียบกับแมนเดลา คานธี ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เรียกตัวเองว่ากำนัน ณัฐวุฒิบ้ากันเอง

 

           นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการเลือกตั้งครั้งก่อน ที่นายเฉลิมบอกจะไม่รับตำแหน่งหาก ส.ส. ฝั่งธนฯ ไม่ได้รับเลือก แต่สุดท้ายนายเฉลิมก็ยังรับตำแหน่ง วันดีคืนดีถูกลดชั้นมาคุมกระทรวงแรงงาน แล้วนายเฉลิมก็ออกมาฟาดหัวฟาดหางด่าคนอื่น สาดเสียเทเสีย

 

           นอกจากนี้ ยังมีนายอำพล กิตติอำพล คนนี้ประจบเก่ง และเข้าถูกทางจับเส้นทักษิณได้ มารับตำแหน่งในรัฐบาล จนเป็นเลขาคณะรัฐมนตรี และเป็นประธานการบินไทยจนเจ๊ง นายอำพลไปยุยิ่งลักษณ์ และไปอ้างบุคคลที่ไม่ควรอ้าง ว่าให้ยิ่งลักษณ์สู้ แต่ซึ่งนายอำพลทั้งนั้นที่ยุ

 

           สุดท้าย นายสุเทพ กล่าวว่า เกมนี้จะจบเร็ว ถ้าข้าราชการทุกคนออกมาประกาศจุดยืนพร้อมประชาชน มาวันไหนรัฐบาล จะหงายท้องทันที อีกทั้งตนเองยังขอขอบคุณผู้บัญชาการทหารสูงสุด ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ที่ไม่ให้ใช้ พรก. ฉุกเฉิน ถือว่าสุดยอด แต่ถ้าให้ ทหารออกทีวีพร้อมกันว่า ถ้าพวกผมเป็นสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พวกผมคงลาออกไปแล้ว อยากดูจริง ๆ อยากให้ พลเอกประยุทธ์ออกมาเลย ประกาศว่าอยู่ข้างประชาชน  รัฐบาลจบทันที

 

           สุดท้าย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ทิ้งท้ายว่า เวลา 09.00 น. นายสุเทพจะเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากสวนลุมพินี ไปตามถนนสีลม เจริญกรุง สี่พระยา สามย่าน ผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะส่ง นายสุเทพ ขึ้นเวที กปปส. ปทุมวัน ซึ่งคิดเป็นระยะทางประมาณ 7.8 กิโลเมตร โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการเดินประมาณ 8 ชม.

 

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)

Admin : Chanya