เรื่องลี้ลับ ฉบับวังหลวง!!! (ภาค3)
2014-01-15 16:31:56
บุรุษร่างท้วมเดินหายเข้าไปในพระบรมสาทิสลักษณ์
หมายเลข1 พระบรมสาทิศลักษณ์รัชกาลต่างๆ บริเวณมุกกระสันพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
หมายเลข2 พระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี
หมายเลข3 สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์
ในสมัยรัชกาลที่5 เมื่อการก่อสร้างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทแล้วเสร็จ พระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศ์ ก็เสด็จฯย้ายเข้ามาประทับภายในพระที่นั่งองค์นี้ พระที่นั่งองค์นี้ถูกออกแบบให้มีช่องตามฝาผนังเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสาทิสลักษณ์ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลต่างๆ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทนี้ยังเป็นชัยภูมิอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอยู่ข้างพระมหามณเทียรอันเป็นสถานที่ประทับและเป็นที่สวรรคตของพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกรัชกาล
"เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งขณะที่สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์(องค์ต้นราชสกุลจักรพงษ์)ยังทรงพระเยาว์นั้น พระองค์ได้ประทับเล่นภายในพระที่นั่ง อยู่ๆพระองค์ก็ทรงเห็นบุรุษร่างท้วมสวมเสื้อผ้าอาภรณ์โบราณแปลกตาเดินผ่านมาทางด้านหน้าพระองค์แล้วเดินเลยหายเข้าไปในพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ด้วยความที่เจ้าฟ้าจักรพงษ์พระชนม์ยังน้อย พระองค์จึงตะโกนเรียกออกไปตามประสาเด็กว่า"นั่นใครกัน ออกมาเดี๋ยวนี้..ออกมาสิ!! แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีใครออกมา
เหล่าข้าหลวงพระพี่เลี้ยงในบริเวณนั้นเมื่อเห็นเหตุการจึงซักไซ้ทูลถามสมเด็จเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ว่าพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นอะไร ไม่นานนักความจึงทราบถึงฝ่าละอองพระบาทของสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา(พระอัครมเหสีในขณะนั้น) ท่านจึงรับสั่งถามเจ้าฟ้าจักรพงษ์อีกครั้งหนึ่งว่าบุรุษนั่นมีรูปลักษณะอย่างไรหน้าตาผิวพรรณเป็นอย่างไร สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์จึงตอบไปตามที่พระเนตรเห็น สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯก็ทรงทราบได้ทันทีว่า บุรุษที่เดินหายเข้าไปในภาพนั้น แท้จริงคือพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมาปรากฏพระองค์ให้เจ้าฟ้าจักรพงษ์ได้ทอดพระเนตรเห็น
ดังนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯจึงทรงรีบเป็นธุระจัดหาดอกไม้ธุปเทียนแพพาสมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ ไปถวายและขอขมาลาโทษที่ไปล่วงเกินดวงพระวิญญาณ หลังจากนั้นเจ้านายและผู้คนในวังทั้งหลายจึงได้รู้ว่าดวงพระวิญญานสมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์ทุกรัชกาลจะยังคอยปกปักรักษาพระบรมหาราชวังและพสกนิกรของพระองค์อยู่เสมอ
Credit : คลังประวัติศาสตร์
Admin : admin
view
:
2962
Post
:
2014-01-15 16:31:56
ร่วมแสดงความคิดเห็น