ตั้งแต่มีข่าวว่าทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. จะเข้ามาทำการตรวจสอบทรัพย์สินของแกนนำกลุ่ม กกปส. อย่างนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ว่ามีทรัพย์สินเท่าไหร่นั้นและมีสอบสวนความไม่โปร่งใสของเงินที่มีอยู่ จนทำให้ผู้สนับสนุน “ลุงกำนัน” ออกมาให้กำลังใจและหนุนกำลังเงินกันทุกวันๆเป็นเงินสดๆรวมๆแล้วหลายสิบล้านบาททั้งๆที่บริจาคให้แกนนำโดยตรงและบริจาคผ่านทางอื่นๆเพื่อให้การชุมนุมของมวลชนมีความมั่นคงแข็งแรง

 

 

แต่นอกเหนือจากนั้นต้องขอบอกว่าตั้งแต่สุเทพเข้ามาในแวดวงการเมืองนั้นก็มีเงินไม่ใช่น้อยๆแล้ว เพราะมีกิจการอยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือ กิจการสวนปาล์มและยางพาราที่ทางภาคใต้ ที่สร้างรายได้ปีละ กว่า 41 ล้าน ขณะที่รายได้จากการเป็น ส.ส. ตกปีละเพียง 1 ล้าน 3 แสนบาทเท่านั้น จากการยื่นแสดงทรัพย์สินสมัยเป็นอดีตรองนายกฯ และ อดีตรมว.คมนาคม. ครั้งล่าสุดในรัฐบาลของอภิสิทธิ์ เวชชาวีวะเมื่อปี 2553 สุเทพ มีทรัพย์สินมูลค่า 94,732,168 บาท หนี้สิน 25,821,359 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 69,068,624 บาท ทั้งนี้ทรัพย์สินของนางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ (ภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียน)

 

 

นอกจากนี้ยังมีบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม ที่มีชื่อของลูกๆทั้งสามคนก็คือ แทน น้ำตาล และน้ำทิพย์ ด้านรายจ่ายของ คุณสุเทพ ถือว่า ท่วม รายได้ ทั้ง ดอกเบี้ยเงินกู้ปีละกว่า 12 ล้าน ค่าใช้จ่ายทำสวนปีละ10ล้าน เงินผ่อนชำหนี้หนี้แบงก์ 8 .6 ล้าน ค่าใช้จ่ายส่วนตัวปีละ6แสน เงินบริจาคเงินทำบุญปีละ5แสนบาท

 

 

ทรัพย์สินหลักๆของสุเทพก็คือที่ดิน เป็นที่รู้กันว่าลุงกำนันมีที่ดินทางภาคใต้ไม่น้อย เท่าที่รู้กันก็มี พันกว่าไร่ มีโฉนดที่ดินอีกกว่า จำนวนมากในอำเภอพุนพิน อำเภอเกาะสมุย อำเภอดอนสัก อำเภอขนอม ประมาณค่าที่ดินก็ปาเข้าไปเกือบ 200 ล้านบาทแล้ว

 

แต่ก็ใช่ว่าสุเทพจะเป็นเพียงนักการเมืองที่มีทรัพย์สินขนาดนี้ เพราะถ้าขุดคุ้ยกันจริงๆไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยนักการเมืองไทยก็ไม่ธรรมดาทั้งนั้น เพียงแค่ว่าจะจัดระบบอย่างไรเท่านั้นเอง