47 โรนิน ผู้กล้าแห่งเมืองอาโกะ
2014-01-02 12:10:18
"โรนิน" (浪人) นั้นมาจากภาษาจีนที่ว่า "หลางเหริน" อันแปลตรงตัวว่า "คนลอยคลื่น" หรือแปลแบบไทยๆว่า "ไอ้พวกหลักลอย" นั่นล่ะครับ เพราะโรนินก็คือนักรบไร้สังกัด อันมีเหตุจากว่านายตายหรือว่าไล่ออกจากสังกัดนั่นเอง
ดังนั้น พวกโรนินจึงมักจะร่อนเร่ไปเรื่อยเพื่อหางานทำนั่นล่ะ ซึ่งถ้าโชคดีมีเจ้าผู้ครองปราสาทหรือซามูไรที่ทรงอำนาจพอตัวรับเขาไว้ เขาก็จะกลับมาเปนซามูไรอีกครั้ง แต่โดยมากก็ไม่ค่อยมีใครรับพวกคนไร้สังกัดแบบนี้ แต่ส่วนมากมักจะลงเอยกับการเปนทหารรับจ้างที่รับงานเปนจ๊อบๆเสียมากกว่า
เพราะตามจารีตซามูไรนั้น หากนักรบคนใดตกงานมาเปนโรนิน - ไอ้คนหลักลอย - แบบนี้แล้ว เขาไม่อยากรับไว้ ด้วยเหตุผลที่ว่า นักรบนั้นต้องมีนายเดียวเท่านั้น หากไร้นายแบบนี้แล้ว แสดงว่าเปนคนที่ไว้ใจไม่ได้ ไม่งั้นนายคงไม่ไล่ออกมาเช่นนี้ หรือหาไม่ก็เปนตัวกาลกิณีที่ทำให้นายต้องตายสิ้นวงศ์แบบนี้นั่นเอง
ดังนั้น โรนินจึงมีค่าแทบไม่ต่างจาก "หมาข้างถนน" ไม่มีใครอยากจะรับมาเลี้ยงไว้ เพราะมัน "ไว้ใจไม่ได้"
แต่แล้วทำไมชาวญี่ปุ่นถึงยกย่อง 47 โรนินนักหนา?
เรื่องราวทั้งหมดต้องขอเท้าความย้อนกลับไปในประเทศญี่ปุ่นปี พ.ศ. 2244 อันเปนสมัยรัฐบาลของ "โตกุกาว่า ทซึนาโยชิ" โชกุนคนที่ 3 แห่งรัฐบาลตระกูลโตกุกาว่านั้น ได้เกิดเหตุการณ์อันเปนมหาวิปโยคขึ้นมาคราวหนึ่ง เนื่องจากไดเมียวหนุ่มแห่งนครอาโกะนามว่า "อาซาโนะ นางาโมริ" ได้รับคำสั่งให้เดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อรายงานตัวและคารวะต่อท่านโชกุน อันเปนธรรมเนียมประจำปีที่เหล่าเจ้าครองแคว้นทั้งปวงต้องปฏิบัติทุกปีเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อรัฐบาลกลางนั่นเอง
แต่เนื่องจากท่านอาซาโนะนั้นเปนซามูไรบ้านนอกผู้ซื่อตรงและยึดถือในเกียรติยศแห่งบูชิโดยิ่งสิ่งใด ตะแกจึงเข้าเมืองหลวงมาตัวเปล่า โดยไม่ได้พก "ของฝาก" ใดๆมาทำการคารวะต่อผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอย่างท่านสมุหมณเฑียร "คิระ โยชินากะ" แต่อย่างใด
งานนี้ ฯพณฯ พยายามจะสั่งสอน (หรือว่าง่ายๆว่า "ข่ม") ไดเมียวหนุ่มให้รู้จัก "ขนบจารีตการเมือง" เสียบ้าง แต่ก็โดนไดเมียวคนซื่อสวนเข้าให้ว่า "เกียรติของนักรบอยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่อยู่ที่ค่าของเงินทองและสินบน"
งานนี้ล่ะป๋าคิระถึงกะโกรธปรอทแตก แกจึงคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งอาซาโนะอยู่ตลอดเวลา เช่นว่าคอยติโน่นนี่นั่นต่อหน้าเหล่าไดเมียวคนอื่นๆ แต่อาซาโนะก็พยายามทำใจอดทนอดกลั้นเอาไว้ โดยคิดเสียว่าทำการคารวะท่านโชกุนเสร็จเมื่อใดก็จะได้ชิ่งกลับบ้านกลับช่องเสียที
แต่อย่างว่า ความอดทนของคนเราย่อมมีจำกัด เพราะในวันที่เหล่าไดเมียวต้องเข้าคารวะท่านโชกุนโดยพร้อมเพรียงนั้น ป๋าคิระก็ยังจะหาเรื่องกลั่นแกล้งไดเมียวบ้านนอกคนนี้ว่า จงแต่งตัวอย่างชุดลำลองมาเข้าคารวะ แต่พอถึงวันจริงแล้ว พวกขุนนางและเหล่าไดเมียวท่านอื่นๆกลับแต่งชุดพิธีการโดยพร้อมหน้าซะงั้น?!
ครั้นเมื่อท่านขุนวังตัวแสบมาเห็นเข้าก็ได้ทีชี้หน้าด่าต่อว่าอาซาโนะเสียๆหายๆ จนทำให้ไดเมียวบ้านนอกคนนี้กลายเปนตัวตลกกลางงานไปเลย
งานนี้อาซาโนะก็เหลือจะอดจะทนแล้ว แกเลยเผลอชักทันโตะ (ดาบพกสั้นของซามูไร) ไล่จ้วงแทงใส่ท่านขุนวังในทันที จนกลายเปนเหตุโกลาหลใหญ่เลยทีเดียว
คราวนี้ก็เปนเรื่องสิครับ เพราะตามกฏหมายนั้น ห้ามมิให้ผู้ใดใช้อาวุธในปราสาทของท่านโชกุนโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถือว่าจงใจก่อการประทุษร้ายต่อท่านโชกุนและเหล่าเสนาบดีเสียฉิบ และเมื่อท่านโชกุนได้ทราบข่าวจากการเป่าหูของป๋าคิระตัวดีแล้ว จึงมีคำสั่งให้ไดเมียวแห่งอาโกะกระทำการคว้านท้อง โดยไม่มีคำสั่งให้ไต่สวนความผิดแม้แต่น้อย...
โอ อนิจจา...ไดเมียวหนุ่มผู่ไม่ประสาในกลการเมืองก็ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมแต่โดยดี... อันเปนเหตุให้คนในตระกูลอาซาโนะต้องบ้านแตกสาแหรกขาดกันถ้วนหน้าในที่สุด และโดยเฉพาะเหล่าซามูไรข้ารับใช้กว่า 300 คนกลายเปนโรนินไปเสียแล้ว
ทว่า ในบรรดาซามูไรตกงานเหล่านั้น กลับมีหัวหน้าข้ารับใช้นามว่า "โออิชิ โยชิโอะ" ลุกขึ้นมาประกาศว่าจะทวงแค้นให้กับผู้เปนนายที่ต้องตายอย่างไร้ความเปนธรรม จึงเปนเหตุให้มีเหล่าซามูไรตกงานอีก 46 คนร่วมลงนามเลือดว่าจะหาทางล้างแค้นด้วยเช่นกัน
ข่าวการล้างแค้นในคราวนี้ก็ลอยลมไปเข้าหูป๋าคิระตัวแสบด้วยเหมือนกันครับ เพราะไอ้เสนาบดีตัวแสบผู้นี้ก็รู้อยู่แก่ใจว่างานนี้โดนเช็คบิลย้อนหลังแน่ๆ แกจึงสั่งเพิ่มกองกำลังป้องกันคฤหาสน์ของตนในเมืองหลวงอย่างแน่นหนา และส่งสายสืบไปคอยดูความเคลื่อนไหวของเหล่าโรนินผู้โกรธแค้นเหล่านั้นด้วยเหมือนกัน
เหล่าโรนินทั้ง 47 คนต่างก็รู้ดีว่างานนี้ยากจะหักกะเสนาบดีตัวแสบคนนี้ได้ พวกเขาจึงต้องกระทำการอย่างรัดกุม โดยต่างคนต่างแยกย้ายกันออกไปหางานทำหรือแสร้งทำเปนคนหมดสภาพ คือเอากินเหล้าเคล้าเกอิชา หรือไม่ก็ผันตัวไปเปนพ่อค้าหรือออกบวชเปนนักพรตพเนจรไปเสียเลย...
ทว่า แท้จริงแล้วพวกเขากลับยังคงลอบพบปะอย่างลับๆเพื่อประชุมและหารือในแผนการล้างแค้นอยู่ไม่วางวานแม้แต่น้อย...
ครั้นเมื่อเวลาผ่านไป 2 ปีแล้ว เสนาบดีคิระก็คิดว่าเหล่าโรนินคงจะไม่คิดมาล้างแค้นตนเองอีกแล้ว ตะแกจึงลดกำลังป้องกันในปราสาทลง และหันไปเสพสุขอย่างสบายใจอีกครั้ง - และนี่คือเวลาที่เหล่าโรนินรอคอย
เมื่อได้ข่าวว่าคิระลดระวังกำลังป้องกันแล้ว เหล่าโรนินทั้ง 47 คนจึงประกาศรวมพลและยกกำลังไปล้างแค้นให้กับผู้เปนนายในทันที
ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บของฤดูหนาว ณ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2246 นั้น เหล่าโรนินทั้ง 47 คนพร้อมอาวุธครบมือได้ชูธงธรรมประกาศล้างแค้นต่อผู้เปนนาย และยกกำลังเข้าปล้นปราสาทของเสนาบดีในทันที
แม้ว่าเสนาบดีคิระจะลดกองกำลังป้องกันลงไปบ้างแล้ว แต่ในปราสาทก็ยังมีซามูไรข้ารับใช้อยู่อีกหลายร้อยนาย เหล่าโรนินทั้งหลายก็มิได้พรั่นพรึง หากแต่โถมกำลังเปิดทางเลือดเข้าตะลุมบอนภายในปราสาทนั้นอย่างบ้าบิ่นและกล้าหาญเลยทีเดียว และเพราะแรงแค้นที่สุมแน่นอกมานานกว่า 2 ปี เหล่าโรนินก็สามารถบุกตะลุยเข้าไปจนถึงที่พักของขุนวังคิระได้ในที่สุด
ในคราวนั้น โออิชิได้ก้าวออกมาเบื้องหน้าและร้องท้าให้คิระออกมาสู้กับตนต่อตัวเพื่อสะสางหนี้แค้นในครั้งนี้ให้ตายตกกันไปข้างหนึ่ง โดยผลของการประลองนั้นคงไม่ต้องเดาให้ยากหรอก ฝ่ายโรนินเปนฝ่ายได้ชัยชนะและสามารถกุดหัวของเสนาบดีคิระได้สำเร็จ
ครั้นเมื่อแสงทองส่องฟ้าแล้ว เหล่า 47 โรนินได้เดินแถวออกจากปราสาทพร้อมกับผูกหัวของคิระเข้ากับคอหอกเปนการประจานและประกาศถึงชัยชนะของพวกตน โดยมิได้หวั่นเกรงหรือสนใจต่อสายตาที่ตกตะลึงของชาวพระนครในยามเช้าวันนั้นแม้แต่น้อย โดยพวกเขาได้เดินแถวขบวนตรงไปยังวัดเซนงะคุจิ อันเปนวัดที่ฝังศพของผู้เปนนาย เพื่อนำหัวของศัตรูไปแสดงและคารวะต่อผู้เปนนายว่า บัดนี้ ความแค้นของตระกูลอาซาโนะได้รับการชำระสะสางแล้ว
ในขณะเดียวกัน เหล่าโรนินก็รู้ตนดีว่าพวกเขาได้ทำความผิดอย่างมหันต์แล้ว โออิชิจึงร่างจดหมายอธิบายเหตุผลของการล้างแค้นในครั้งนี้ และขอยอมรับในทุกการลงโทษต่อสิ่งที่พวกตนได้ทำลงไปส่งให้กับท่านโชกุนทซึนะโยชิ
หลังจากท่านโชกุนได้ทราบความจริงทั้งหมดจากเหล่าโรนินแล้ว ท่านก็รู้สึกซาบซึ้งในความองอาจกล้าหาญของชายชาตินักรบเหล่านี้ แต่ด้วยกฏหมายบ้านเมืองแล้ว ท่านโชกุนจึงมอบโทษตายให้กับโรนินทั้ง 47 คนด้วยการคว้านท้องอย่างสมศักดิ์เฉกเช่นผู้เปนนายของตน แทนที่จะต้องโทษตัดหัวเฉกเช่นนักโทษคดีอาญาทั่วไป
ในที่สุดแล้ว เหล่าโรนินทั้ง 47 คนก็ได้คว้านท้องลาโลกโดยพร้อมกันที่วัดเซนงะคุจิ โดยที่ร่างของพวกเขานั้นได้ถูกฝังอยู่ร่วมในสุสานเดียวกับท่านอาซาโนะ นางาโมริผู้เปนนายนั้นนั่น
เพราะเหตุวีรกรรมของ 47 โรนินในคราวนั้นได้ทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาเลื่องลือไปทั่วทั้งแผ่นดิน และได้รับการยกย่องว่าเปนหนึ่งในเหล่ายอดขุนพลผู้ภักดีไปในที่สุดนั่นเอง
Credit : ประวัติศาสตร์ตามTimeline
Admin : Chanya
Admin : admin
view
:
3762
Post
:
2014-01-02 12:10:18
เรื่องราวใหม่ๆ
- ถุงซองนิโคติน (Nicotine Pouches) คืออะไร!?
- Snus (สนูส) คืออะไร!?
- โน๊ตบุ๊คและโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแตกต่างกันอย่างไร เลือกใช้ยังไงให้เหมาะสม
- depa x TGA ดีป้า (depa) จับมือ ทีจีเอ (TGA ) บูรณาการความร่วมมือ ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมเกม (Digital Content)
- กิจกรรมการอบรมการถ่ายภาพเบื้องต้น WORLD YOUTH PHOTOGRAPHER WORKSHOP
ร่วมแสดงความคิดเห็น