'มาริโมะ'พืชอนุรักษ์แห่งทะเลสาบอะคัง
2013-12-18 14:01:03
ข่าวแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นที่ยังมีอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ ประกอบกับข่าวกัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ยังคงทำให้หลายคนลังเลเมื่อมีใครสักคนเอ่ยปากชวนไปญี่ปุ่น ทั้งที่ผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์นั้นไม่ได้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ
โดยเฉพาะเกาะฮอกไกโด ส่วนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นที่อยู่เหนือแนวเขตแผ่นดินไหวขึ้นไป และแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ณ ทะเลสาบอะคัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติอะคังและได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลก หนึ่งในทะเลสาบที่เกิดขึ้นบนปากปล่องภูเขาไฟที่สงบแล้วราว 6,000 ปีก่อนในเมืองคูชิโร่ และเป็นแหล่งน้ำแร่ร้อนขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของฮอกไกโด และอะคัง ยูกุโนะซาโตะ สึรุกะเป็นหนึ่งในรีสอร์ทที่ให้บริการ
แม้วันนี้เพราะรีสอร์ทและโรงแรมที่มีบริการออนเซ็นจะทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นความใสของน้ำเหลือเพียง 3-4 เมตร จากที่เคยมองเห็นได้ลึกถึง 8-9 เมตร ในปี ค.ศ.1930 แต่สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ไม่กี่แห่งในโลกยังคงมีชีวิตและได้รับการปกป้องในฐานะสมบัติล้ำค่าของชาติตั้งแต่ปี ค.ศ.1921
สมบัติล้ำค่าที่ว่าไม่ใช่สิ่งของที่มีมูลค่าสูง หากแต่เป็นสาหร่ายน้ำจืดสีเขียวที่มีรูปลักษณ์แตกต่างจากสาหร่ายน้ำจืดชนิดเดียวกันที่มีอยู่ในทะเลสาบแห่งอื่นของโลก และคนญี่ปุ่นเรียกสาหร่ายชนิดที่ว่านี้ว่า “มาริโมะ” เป็นชื่อที่นักพฤกษศาสตร์ ทะซึฮิโกะ คาวาคามิ เป็นคนตั้งไว้
คำว่า “มาริ” หมายถึงลูกบอลแฟนซี ส่วนคำว่า “โมะ” นั้นหมายถึงพืชที่เจริญเติบโตในน้ำ
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมมาริโมะจึงกลายเป็นสาหร่ายลูกกลมอย่างที่เห็นได้ บ้างว่าอาจเป็นเพราะการไหลเวียนของกระแสน้ำ ทำให้สาหร่ายที่ขึ้นอยู่ในทะเลสาบเกิดรวมตัวกันเป็นก้อนกลม โดยมีขนาดใหญ่ที่สุดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 25 เซนติเมตร หรือประมาณ 10 นิ้ว ขณะที่การเจริญเติบโตของมาริโมะอยู่ที่เพียง 5 มิลลิเมตรต่อปีเท่านั้น
เชื่อกันว่าสาหร่ายมาริโมะนั้นเป็นเหมือนเครื่องรางที่จะนำความโชคดีมาให้แก่เจ้าของ แต่บางคนก็เชื่อว่ามาริโมะคือตัวแทนของความรักที่สมหวัง จากตำนานของลูกสาวหัวหน้าชนเผ่าแห่งทะเลสาบอะคังที่เกิดไปตกหลุมรักกับหนุ่มชาวบ้าน แต่พ่อกับแม่ของทั้งคู่ไม่เห็นด้วย ทั้งสองจึงหนีไปด้วยกันและกลายเป็นมาริโมะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มาริโมะจึงเป็นต้นไม้แห่งความรักตั้งแต่นั้น
แต่เดิมไม่มีการควบคุมสาหร่ายมาริโมะจึงถูกนำมาใส่ขวดจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว หรืออะควาเรียมบางแห่งซื้อไปจัดวางเป็นของประดับ แต่หลังจากพบว่าจำนวนประชากรมาริโมะลดน้อยลงเรื่อย ๆ รัฐบาลจึงออกคำสั่งห้ามนำมาริโมะขึ้นมาจากทะเลสาบอะคังอีก นอกจากเป็นไปเพื่อการศึกษาเรียนรู้เท่านั้น
ส่วนมาริโมะอันเล็ก ๆ ที่ใส่ขวดวางจำหน่ายอยู่ตามร้านของที่ระลึกรอบ ๆ ทะเลสาบนั้น เป็นสาหร่ายก้อนกลมที่เกิดจากการประดิษฐ์ของมนุษย์ โดยผู้ที่ตัดสินใจซื้อมาริโมะไปครอบครองจะด้วยเพราะเป็นของที่ระลึกจากทะเลสาบอะคังหรือเป็นเพราะความเชื่อที่ว่า จะต้องมีการดูแลสาหร่ายในขวดตามที่แนะนำด้วย
โดยหากตั้งมาริโมะไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ ต้องเปลี่ยนน้ำสะอาดทุก ๆ 1-2 สัปดาห์ โดยในฤดูร้อนอาจต้องเปลี่ยนน้ำบ่อยกว่าในช่วงฤดูหนาว แต่อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตนั้นจะอยู่ที่น้อยกว่า 25 องศาเซลเซียส และห้ามนำมาริโมะไปแช่แข็งเด็ดขาด
ว่ากันว่า มาริโมะแต่ละลูกในธรรมชาตินั้นมีอายุยืนยาวได้ถึง 100 ปี แต่สำหรับที่นำกลับไปเลี้ยงที่บ้านนั้นจะมีอายุยืนขนาดไหนขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละคน
Admin : Chanya
Admin : admin
view
:
4129
Post
:
2013-12-18 14:01:03
ร่วมแสดงความคิดเห็น