มือฆ่าน้องการ์ตูนเครียด นอนคุก-ตำรวจหวั่นโดนประชาทัณฑ์

 

             วันนี้ (16 ธันวาคม 2556) ความคืบหน้าคดี น้องการ์ตูน อายุ 6 ขวบ หายตัวไปขณะดูวงดนตรีลูกทุ่งคณะไหมไทย ใจตะวัน ย่านซอยลาซาล เยื้องสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง ซึ่งต่อมาได้รับแจ้งว่า พบกะโหลกศีรษะมนุษย์ ที่คาดว่าจะเสียชีวิตได้ไม่นาน เนื่องจากยังมีสีแดง และส่งกลิ่นเหม็น โดยเบื้องต้นแพทย์แจ้งว่า น่าจะเป็นกะโหลกศีรษะเด็กอายุประมาณ 6-8 ปี ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย สามารถจับกุมตัว นายหนุ่ย หรือ ติ๊งต่าง (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 32 ปี ชาวขอนแก่น ผู้ต้องหา ตามที่รายงานข่าวไปแล้วนั้น

 

             จากการสอบปากคำ นายหนุ่ยให้การปฏิเสธในทีแรก และรับสารภาพในเวลาต่อมาว่า ก่อนเกิดเหตุได้ดื่มเหล้าและเบียร์ 4 กระป๋อง จนเริ่มเมา จึงเดินมาซื้อเบียร์เพิ่ม เห็นน้องการ์ตูนนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์เพียงลำพัง จึงถามว่าพ่อแม่อยู่ไหน เด็กตอบว่าพ่อแม่ไปดูคอนเสิร์ต จึงชวนไปซื้อขนมด้วย จากนั้นได้พาน้องมาบริเวณป่ารกร้าง และบีบคอน้อง ก่อนจะกระทำชำเราและทิ้งไว้บริเวณดังกล่าว เพราะไม่คิดว่าจะเสียชีวิตและคงกลับบ้านเองได้ พร้อมกับอ้างว่าที่ทำไปนั้น เนื่องจากตนมีอาการเมาสุรา หลังจากนั้นได้เดินทางกลับเข้าวงดนตรีกินเหล้าต่อ ก่อนจะตระเวนไปทำงานกับวงดนตรีตามที่รับงานไว้ในจังหวัดต่าง ๆ กระทั่งถูกจับกุมในที่สุด

 

             และจากการตรวจสอบประวัตินายหนุ่ย ทราบว่า เพิ่งพ้นโทษเมื่อเดือนสิงหาคม 2555 ในคดีพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปี ถูกจำคุก 3 ปี 8 เดือน ที่ จ.ขอนแก่น นอกจากนี้ เจ้าตัวยังเผยว่า ตอนเด็กเคยอยู่ในสถานสงเคราะห์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ ก่อนมีผู้มาอุปการะนำไปเลี้ยง โตมาก็ออกมาหางานทำ แต่ก็ใช้ชีวิตเข้า-ออกคุก เพราะมีคดีความลักเล็กขโมยน้อย และยังชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ และมักมีอารมณ์ทางเพศ ถึงขนาดพกกางเกงในของแฟนสาวไว้ติดตัวตลอดเวลาอีกด้วย

 

             ด้าน พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ สว.สส. สน.บางนา เปิดเผยว่า คดีการหายตัวไปของน้องการ์ตูน วัย 6 ขวบ ที่ถูกลักพาตัว และสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ที่ จ.หนองคาย นั้น ความคืบหน้าในการนำเอาหัวกะโหลกที่พบในป่ารกร้าง ข้างสถานีรถไฟฟ้า ซ.แบริ่ง และทางกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) นำไปให้นิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ไปตรวจหาดีเอ็นเอว่าเป็นของน้องการ์ตูนหรือไม่นั้น เบื้องต้น จะต้องใช้เวลาตรวจประมาณ 3-4 สัปดาห์ จึงจะทราบผล ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ถือว่าสำคัญต่อรูปคดีมาก เพราะหากเป็นกะโหลกของน้องการ์ตูนจริง พงส. จะต้องเพิ่มข้อหาหนักขึ้นไปอีก ตามฐานความผิดที่ก่อขึ้น แม้ว่าผู้ต้องหาจะรับสารภาพ แต่พยานหลักฐานก็ต้องรวบรวมเพื่อประกอบสำนวนให้รัดกุมที่สุดต่อไป 

 

           อย่างไรก็ดี ช่วงเช้าวันนี้ (16 ธันวาคม 2556) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 ได้นำเสนอภาพวินาทีที่คุณพ่อของน้องการ์ตูน พบเสื้อยืดของลูกสาวที่เปื้อนเลือด ซึ่งถูกม้วนและโยนทิ้งในที่เกิดเหตุ โดยคุณพ่อของน้องการ์ตูน เมื่อเห็นเสื้อก็ถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น พร้อมร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ เอามือชกกำแพงและตะโกนขอโทษลูกสาวครั้งแล้วครั้งเล่า โดยบอกว่า การ์ตูน...พ่อขอโทษที่ดูแลลูกไม่ดี พ่อขอโทษจริง ๆ พ่อไม่น่าปล่อยลูกไว้อย่างนี้เลย 

 

          ส่วนทางแม่ของน้องการ์ตูน เมื่อทราบข่าวก็รุดมายังที่เกิดเหตุทันที และเมื่อได้เห็นเสื้อยืดเปื้อนเลือดก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไป จนชาวบ้านต้องช่วยกันปฐมพยาบาล ซึ่งคุณแม่ของน้องการ์ตูนได้จุดธูปเรียกน้องการ์ตูนกลับบ้าน พร้อมบอกว่า แม่ขอโทษที่ดูแลหนูได้ไม่ดี เราคงทำบุญด้วยกันมาแค่นี้ ชาติหน้าฉันใดก็ขอให้เราเกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก 

 

          ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยภาพเจ้าโด้ สุนัขเพศผู้วัย 3 ปี เป็นสุนัขประจำวินจักรยานยนต์ ซ.สุขุมวิท 105 ซึ่งออกช่วยตามดมกลิ่นจนไปพบกะโหลกมนุษย์ในป่ารกกลางดึก ที่แพทย์ระบุว่าเป็นกะโหลกของเด็กวัย 6-8 ปี สภาพใหม่และมีหนอนไต่ โดยแพทย์กำลังตรวจหาดีเอ็นเอเพื่อเปรียบเทียบกับพ่อแม่ของน้องการ์ตูนว่าใช่กะโหลกศีรษะของน้องการ์ตูนหรือไม่ 

 

เด็กหาย!!! ด.ญ.อธิตยา เพ็ชรดอน (การ์ตูน) อายุ 6ขวบ พลัดหลงหายตัวไปขณะไปเที่ยวงานคอนเสิร์ตวงดนตรีลูกทุ่งกับครอบครัวย่านซอยแบริ่ง บางนา เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.ของวันที่ 6 ธันวาคม 2556 

 

 

น้องการ์ตูน สูง 120 ซม. หนัก 16 กก. รูปร่างเล็ก ขณะที่น้องหายตัว น้องใส่เสื้อสีเขียว กางเกงขาสั้นสีดำแดง

 

ผู้ใดพบเห็นเด็กลักษณะดังกล่าว โปรดแจ้ง มูลนิธิกระจกเงา โทร 0867948670

 

ประกาศเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2556

 

 

 

 

 

มีประเด็นหารือของเพื่อนสมาชิกเกี่ยวกับผู้ต้องหา ที่ก่อเหตุกับน้องการ์ตูน ว่าเป็นการจับแพะหรือไม่ เพราะเพื่อนๆ มองว่า ลักษณะคนร้ายจากภาพในกล้องวงจรปิดและภาพคนร้ายที่สื่อถ่ายมาตอนถูกจับกุมลักษณะแตกต่างกัน

 

ผมคงไม่อยู่ในฐานะยืนยันข้อเท็จจริงว่าชายคนดังกล่าวนี้เป็นผู้ก่อเหตุตัวจริงหรือไม่ เพราะเป็นกระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจครับ

 

แต่ในฐานะที่เรารับเบาะแสนี้มาหลังรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ออกอากาศช่วงสิบเอ็ดโมง เราได้รับสายโทรศัพท์แจ้งเบาะแสผู้ต้องสงสัยหลายจุด แต่จุดนี้เป็นจุดที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด เนื่องจาก

 

1.เราพยายามแกะ อักษรบนเสื้อของผู้ก่อเหตุจากกล้องวงจรปิดมาหลายวันว่าเป็นเสื้ออะไร จนมีแฟนเพจท่านหนึ่งส่งข้อความมาแจ้งว่า เป็นเสื้อแฟนคลับของวงดนตรีลูกทุ่งวงหนึ่ง ซึ่งจัดคอนเสิร์ตที่แบริ่งในวันที่น้องหายตัวไป

 

2.เบาะแสจากพลเมืองที่ดีโทรเข้ามา แจ้งว่า ผู้ต้องสงสัย มีลักษณะเหมือนพนักงานยกของ ในวงดนตรีลูกทุ่งวงหนึ่ง ซึ่งเป็นวงเดียวที่มาเล่นที่แบริ่งในวันเกิดเหตุ โดยเสื้อที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดจะเป็นเสื้อที่ทีมงานของวงดนตรีลูกทุ่งสวมใส่เวลาทำงาน ซึ่งผู้แจ้งระบุว่า ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยเดินทางมาทัวร์คอนเสิร์ตกับวงดนตรีลูกทุ่งวงดังกล่าว ที่ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย

 

3.เราขอให้ผู้แจ้งย้อนมาดูภาพในเพจศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา โดยละเอียด และผู้แจ้งได้นำไปให้เพื่อนดู ต่างยืนยันว่ามีลักษณะเหมือนพนักงานยกของคนหนึ่งในวงดนตรีลูกทุ่งดังกล่าว

 

4.เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญผู้ต้องสงสัยมาสอบถาม จนยอมรับสารภาพในที่สุด

 

นี่คือข้อเท็จจริง ว่า เหตุใดผู้ต้องหาถึงเป็นคนนี้ และเหตุใดผู้ต้องหาไปไกลถึงหนองคาย

 

ส่วนข้อเท็จจริงประการอื่น เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต่อไปครับ 

 

ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา

15 ธค 56