หลังสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองบริเวณ ถนนราชดำเนินและรอบทำเนียบรัฐบาล รวมถึงกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เริ่มคลี่คลายลง หลังฝ่ายรัฐบาลประกาศยอมถอยให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาในพื้นที่ บช.น.และทำเนียบรัฐบาลได้ ถนนหนทางที่ถูกใช้เป็นสมรภูมิรบ เหลือไว้เพียงเศษซากขยะจากเหตุความขัดแย้งกองโต นัยหนึ่งจุดนี้ กลายเป็นขุมทรัพย์ของพ่อค้าขายของเก่า ต่างเข้ามาเก็บของเก่าและขวดพลาสติกไปขาย สร้างรายได้มากกว่าในภาวะปกติถึง 2 เท่า

 

 

นายอุทิศ มหหมัด คนเก็บของเก่าย่านทำเนียบรัฐบาลบอกว่า แม้เหตุการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นนี้จะสร้างรายได้จากการเก็บขวดพลาสติกขาย ได้ถึง 4,000 บาทในรอบ 5 วันที่ผ่านมา แต่ก็เป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น หากแต่สิ่งที่ได้จากซากขยะความขัดแย้งคือต้องการให้บ้านเมืองไทยสงบสุข และไม่ต้องการให้เกิดการชุมนุมประท้วง หรือมีม็อบมาปิดถนนอีก

 

 

 

 

“ผมไม่แคร์เรื่องรายได้จากการเก็บของเก่าขาย เพราะจากการมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาปิดถนน ทุกธุรกิจก็กระทบอยู่แล้ว แต่กลุ่มประชาชนก็ยอม เพราะถือว่าประชาชนที่มาร่วมชุมนุมเป็นตัวแทนประชาชน ที่มาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประเทศ ดังนั้น ผมมองแค่ว่าการมาเก็บขยะ และขวดพลาสติกขายก็เป็นการช่วยทำความสะอาดประเทศ และช่วยสร้างรายได้ไปพร้อมๆ กันด้วย” นายอุทิศกล่าว

 

 

 

ขณะที่ประชาชนผู้ชุมนุมภายหลังศึกความขัดแย้งสงบลง ต่างจับไม้กวาดทางมะพร้าว พากันวางเศษขยะมูลฝอย โดยตัวแทนผู้เข้าร่วมชุมนุมบอกว่า ใกล้ถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันที่ 5 ธันวาคม 2556 ในฐานะคนไทยและเป็นผู้ชุมนุมที่ก่อให้เกิดความไม่สะอาดเรียบร้อย จึงคิดว่าควรจะเป็นคนรับรับผิดชอบ และลงมือช่วยเจ้าหน้าที่เก็บกวาดทำความสะอาด  เพื่อเป็นอีกหนึ่งความดี ที่ทำถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสนี้ด้วย โดยกลุ่มประชาชนที่ร่วมผู้ชุมนุนเตรียมทำกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ในวันที่ 4 ธ.ค. ตั้งแต่ 08.00 น. เป็นต้นไป.

 

Credit : Thairath

Admin : Chanya