หลังฉาก 'ยิ่งลักษณ์' ถอย(ตร.) 'สุเทพ'หยุด (มวลชน)
2013-12-04 10:28:56
ส่อเค้าการเมืองจะถึงจุดแตกหัก ถึงทางตัน สงครามกลางเมืองของมวลชน ไม่ต่างกับหลายประเทศที่เกิดขึ้นเวลานี้ เพราะทัพประชาชนกับตำรวจ ต้องห้ำหั่นเพราะนักการเมือง จึงเกิดความขัดแย้ง แย่งชิงอำนาจ ชิงผลประโยชน์ โดยการปลุกปั่น ปลุกระดม ใส่ชนวนให้แบ่งฝ่าย รบรากัน จนประเทศต้องพังราบคาบ เกิดความวุ่นวาย แต่สุดท้าย จบลงแบบง่ายดาย ทำให้หลายคน "งง" และเกิดความสงสัย...
 
 
 
ทันทีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. สั่งแกนนำ กปปส. และมวลมหาประชาชน ม็อบต่อต้านระบอบทักษิณ เคลื่อนทัพบุกยึด กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และทำเนียบรัฐบาล ในรุ่งเช้า ของวันอังคาร (3 ธ.ค.) แบบแตกหัก ปักหลักสู้ถาวร หลังจากที่ม็อบมวลชนจำนวนมาก พยายามบุกเข้ายึดมาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) จนถึงวันจันทร์ (2 ธ.ค.) แต่ไม่สำเร็จ เพราะถูกตำรวจระดมยิงด้วยแก๊สน้ำตา และฉีดน้ำแรงดันสูง จนการปะทะยืดเยื้อ มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ทั้ง 2 ฝ่ายทั้งตำรวจ และมวลชนของม็อบ 
 
ขณะที่รัฐบาล ก็ประกาศกร้าว ไม่ยอมให้ม็อบเข้ามายึดสถานที่ราชการ ทั้งทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา บช.น. ซึ่งสถานที่เหล่านี้ล้วนตั้งอยู่ในเขตพระราชฐาน ที่ใกล้กับวังอัมพร และพระที่นั่งอนันตสมาคม อันเป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาล และจุดศูนย์รวมอำนาจ
 
แต่จู่ๆ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบ.บช.น. ก็ประกาศให้ตำรวจ จำนวน 653 กองร้อย เปิดทางให้กับม็อบ และมวลชน กปปส. ถ้าจะเข้ามายึด บช.น. จนหลายฝ่ายมองคิดไปว่า ตำรวจมีแผนปิดประตูตีแมว หรือซ้อนแผนเพื่อจับกุมแกนนำหรือเปล่า แม้กระทั่งมวลชนม็อบเองก็เกิดข้อสงสัยว่า ตำรวจทำไมถึงยอมแพ้ และไม่ขัดขืนปล่อยให้กำลังมวลชน เข้าไปบุกยึดได้อย่างง่ายดายทั้งทำเนียบ และ บช.น. อันเป็นที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายรัฐ
 
 
ถือเป็นการชิงไหวชิงพริบของฝ่ายปราบ กับฝ่ายรุก กระทั่งนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส.อีกคนถึงกับประกาศบนเวทีราชดำเนิน ว่ามวลมหาประชาชนได้รับชัยชนะ แต่นั่นอาจเป็นการเข้าทางฝ่ายรัฐบาล
 
จึงมีคำถามต่างๆ เข้ามามากมาย ทำไมฝ่าย "รัฐบาล - ตำรวจ" จึงยอมให้ม็อบบุกเข้ายึดสถานที่เหล่านี้ได้แบบง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ไม่เหมือนเช่นวันก่อนๆ ที่รักษาพื้นที่อย่างเหนียวแน่น และมีคำถามอีกมากมายว่าการที่ นายสุเทพ นำทัพมวลชนต่อสู้กับรัฐบาล ต้องการยึดสถานที่เหล่านี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ของรัฐบาล เพื่ออะไร 
 
เบื้องหลังเหล่านี้ ไทยรัฐออนไลน์" ได้ไขรหัสลับปริศนา การต่อสู้ของฝ่ายนายสุเทพ กับรัฐบาล จากแหล่งข่าวระดับสูงที่อยู่วงในทั้ง ฝ่ายรัฐบาล และฝ่าย กปปส. จนได้ใจความว่า
 
ครั้งนี้ถือเป็นการต่อสู้ ชิงไหวชิงพริบของนักการเมือง ผู้มีอำนาจทั้ง 2 ฝ่าย ที่ต่างต้องการชัยชนะ ต้องการได้ผลประโยชน์เข้าตัวเอง แต่การที่รัฐบาลพลาดนั้น เริ่มต้นจากกระบวนการที่ต้องการให้ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยกเลิกความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เร่ร่อนอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นต้องการอยากจะกลับบ้าน จึงได้วางแผนการตั้งแต่ปรับ ครม.นำน้องสาวมานั่งดูแลทหารในตำแหน่ง รมว.กลาโหม มีการโยกย้ายข้าราชการฝ่ายตัวเองขึ้นนั่งตำแหน่งสำคัญ จนนำไปสู่ความขัดแย้งในครั้งนี้ที่ถือเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
 
การรวมตัวของม็อบครั้งนี้ แม้แต่นายสุเทพ ยังมองว่าเกินคาด แถมจุดกระแสติด และลุกฮือขยายวงกว้าง จนลามไปทั่วประเทศ กลายเป็นการต่อต้านระบอบทักษิณขึ้นมาทันที  สิ่งนี้เองจึงเป็นดัชนีชี้เป็นชี้ตาย และอนาคตทางการเมืองของรัฐบาลขึ้นมาทันที เหตุเพราะความต้องการรีบกลับบ้านอย่างเท่ๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ภายในปีนี้นั่นเอง จึงถือเป็นการปิดเกมเท่ๆ ของนายใหญ่ ไปโดยปริยาย
 
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็มีความพยายาม ที่จะต่อสายพูดคุยกับนายสุเทพหลายครั้งหลายครา โดยผ่านบุคคลสำคัญที่มีความใกล้ชิดสนิทแนบแน่นกับนายสุเทพ แต่ไม่สามารถที่จะตกลงกันได้ เพราะนายสุเทพไม่ยอม จนถึงเกิดกระแสม็อบต้านทักษิณฟีเวอร์ขึ้นมาเป็นทัพมวลชน
 
 
ซึ่งเท่ากับเข้าทางนายสุเทพ เพราะรู้ดีว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาได้ เกมการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ต้องเป็นรองต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นเป้าหมายของ นายสุเทพเอง คือต้องการให้ "ทักษิณ"ยุติบทบาททางการเมือง และเลิกเล่นการเมือง พร้อมกลับมาติดคุก ก่อนที่จะตกลงในอนาคตกันได้
 
เมื่อมาถึงจุดนี้เอง ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ จึงต้องอาศัย อำนาจหน้าที่ทางการเมือง เข้าชิงความได้เปรียบกัน โดยมีกองทัพมวลชนเป็นตัวหนุน กระทั่งเกิดความขัดแย้งที่รุนแรง
 
จะเห็นได้ว่าทั้งฝ่ายรัฐ และฝ่ายม็อบ ต่างชิงความได้เปรียบทางเกมการเมือง ที่ให้ประชาชน มวลชน สังคม ได้ตัดสินใจ โดยที่ต่างฝ่ายต้องการดึง "กองทัพ" เข้าเป็นพวก แต่ไม่สำเร็จ จนกองทัพออกตัวขอเป็นคนกลาง หรือการเมืองแก้ด้วยการเมือง
 
ขณะที่เหตุการณ์วันนี้ (3 ธ.ค.) รัฐบาลสร้างความชอบธรรมด้วยการปล่อยให้ม็อบเข้ายึดสถานที่ราชการโดยไม่มีการขัดขวาง ไม่มีการใช้กำลัง หรือการต่อสู้ จึงปล่อยให้ฝ่ายม็อบเดินเข้ามาแบบง่ายๆ ตามแผนการของ นายสุเทพ ที่ต้องการยึดสถานที่เชิงสัญลักษณ์ของรัฐบาล และไม่ใช้ความรุนแรง เหตุเพราะรัฐบาลเกิดเพลี่ยงพล้ำจากเหตุใช้แก๊สน้ำตาสลายฝูงชนที่จะบุกเข้าทำเนียบ แยก พล 1 รอ. เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ส่งผลให้รัฐบาลเป็นรอง ใช้อาวุธเกินกว่าเหตุ จึงต้องแก้เกม ที่ดักรอให้ฝ่ายมวลชนม็อบเดินเข้ามาในเกม เพื่อสร้างความชอบธรรมว่า "รัฐบาล" ยอมแล้ว แล้วเป้าหมายของ นายสุเทพ ต้องการอะไรอีก
 
 
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังเผยว่า รัฐบาลเตรียม "ยุบสภา" หลังวันที่ 5 ธ.ค. หลังเสร็จพิธี วันเฉลิมพระชนมพรรษา ผ่านพิธีปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ หรือแม้กระทั่งผ่านงานวันสันนิบาต จึงยุบสภาแล้วกราบบังคมทูล เพื่อขออภัยโทษให้กับแกนนำ กปปส.ทุกคน จากนั้นจึงมาเริ่มต้นกระบวนการสภาประชาชน โดยจัดให้มีการเลือกตั้ง
 
จุดนี้เองที่รัฐบาลจะอ้างความชอบธรรม และเป็นหมากที่จะคุมความได้เปรียบ เพราะการเลือกตั้งสภาประชาชน ก็คือ ประชาชนทั้งประเทศจะเป็นคนเลือกนักการเมืองเข้ามาทำหน้าที่
 
 
ขณะที่นายสุเทพ ไม่ได้มองเช่นรัฐบาล เกมของนายสุเทพ ต้องการที่จะให้มีคนกลางมารักษาการ จัดตั้งคนที่ไม่โกงไม่กินมาเป็นรัฐบาล แบบล้างไพ่กันใหม่ ร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นฉบับของความต้องการประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องหาจุดร่วม สงวนจุดต่างให้ได้ตรงกัน จนถึงมีคนกลางที่จะต้องลงมาพูดคุยในครั้งนี้ ที่ถือว่าเป็นบุคคลระดับสูงที่เอ่ยปากแล้วทุกคนจะต้องรับฟัง และเห็นด้วย
 
หากเป็นไปตามรูปแบบนี้ ก็หมายความว่า "ทักษิณ" จะต้องเลิกเล่นการเมืองทั้งชีวิต และต้องกลับมารับโทษ แต่สุดท้ายคงมีการเสนออภัยโทษ เช่นเดียวกับ นายสุเทพ ที่จะได้รับอภัยโทษจากข้อหา "กบฏ" รวมทั้งจะต้องเลิกเล่นการเมือง ตามที่ได้ประกาศตามเจตนารมณ์บนเวทีราชดำเนิน
 
เมื่อความขัดแย้งการเมืองทั้งหมด เสมือนละครน้ำเน่า เล่นปาหี่กัน บทสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้น ประชาชน ที่จะตกเป็นหนังหน้าไฟเป็นเครื่องมือ ที่ถูกใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของนักการเมืองที่ต้องการอำนาจ และผลประโยชน์เท่านั้น แล้วเป็นเช่นนี้การเมืองไทยจะเดินหน้าต่อไปได้ หรือจะได้รับการพัฒนาอีกเมื่อไหร่
 
Credit : Thairath
Admin : Chanya

Admin : admin
view
:
1392

Post
:
2013-12-04 10:28:56


ร่วมแสดงความคิดเห็น