‘เทือก’เปิด13เส้นทางปลุก‘สื่อ-ขรก.’ ‘เสรีชน’ล้านพรึ่บ!ถึงสะพานปิ่นเกล้า
2013-11-25 10:37:07
     คลื่นมหาประชาชนเรือนล้านหลั่งไหลมาชุมนุมที่ราชดำเนิน ผนึกกำลังโค่นระบอบทักษิณ "เทพเทือก" คึกจัดทัพเดินอารยะ 12 เส้นทางเช้า 25 พ.ย.
 
 
     ปลุกข้าราชการบอยคอตรัฐบาล "ปู" แหล! จะรักษากติกาเรียกร้องความสามัคคี อ้างยังไม่ถึงทางตัน สั่ง กห.เกาะติดสถานการณ์ "เหลิม" ตีปี๊บมือที่สามก่อเหตุ "เพื่อแม้ว" ปูดแผนล้อมรัฐสภาไม่ให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดทางอำนาจนอกระบบดัน "อภิสิทธิ์" เป็นนายกฯ ลั่นประชาชน 15 ล้านเสียงจะไม่ยอม ขู่เกิดกลียุค สงครามกลางเมือง แต่คนเสื้อแดงมา
ชุมนุมแค่หมื่นคน "สุริยะใส-ปธ.ญาติวีรชน 35" แนะนายกฯ ปลดชนวนวิกฤติ
   
     เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันดีเดย์ ของเครือข่ายประชาชนต่อต้านระบอบทักษิณ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำ มีประชาชนจากทั่วประเทศทยอยมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก โดยฝั่งถนนราชดำเนินล้นไปถึงสะพานพระปิ่นเกล้าและเต็มท้องสนามหลวง จนต้องเปิดเวทีย่อยอีก 1 เวที ขณะที่ด้านถนนหลานหลวงล้นไปถึงแยกยมราช โดยประชาชนจะปักหลักและพักค้างคืนเพื่อเดินอารยะ 12 เส้นทาง ไปยังส่วนราชการในช่วงเช้าของวันที่ 25 พ.ย.นี้
   
     ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ แกนนำผู้ชุมนุมได้ถือฤกษ์ดีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 109 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคล และถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ในวันประกาศยระดับการชุมนุมใหญ่ โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำคนสำคัญ รวมถึง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าร่วม อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประชาชนที่ร่วมทำพิธีอย่างพร้อมเพรียง     
     
      ขณะที่มวลชนจากต่างจังหวัดเริ่มทยอยเดินทางมาสมทบอย่างต่อเนื่อง แต่ในพื้นที่รอยต่อจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้ามาจังหวัดชุมพรและประจวบคีรีขันธ์ นั้นได้รับรายงานว่า ตลอดเส้นทางมีการสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยการโรยตะปูเรือใบบนถนน ทำให้รถยนต์ของประชาชนได้รับความเสียหายหลายคัน ประกอบกับมีน้ำท่วมในหลายจังหวัดทางภาคใต้ 
         
       เวลา 11.00 น. นายสุเทพขึ้นเวทีขอความร่วมมือประชาชนที่ปักหลักบริเวณด้านหน้าเวทีและบนพื้นถนนราชดำเนินเปิดทางให้บรรดาขบวนนิสิตนักศึกษาศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงประชาชนนักธุรกิจชาวสีลม ได้เดินผ่านเพื่อไปรวมตัวที่บริเวณด้านหลังเวทีที่เปิดรองรับมวลชนยาวไปจนถึงสนามหลวงในช่วงเย็น โดยนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง ปชป. ในฐานะผู้ดูแลการ์ดรักษาความปลอดภัย ได้จัดกำลังพลไปยืนตามจุดต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะเดินผ่านเส้นทาง ทั้งนี้ ได้จัดเตรียมการ์ดดูแลรักษาความปลอดภัยทั่วบริเวณพื้นที่การชุมนุมกว่า 3,000 นาย พร้อมยืนประจำตามจุดเข้า-ออก เพื่อคัดกรองบุคคลต้องสงสัยเข้ามาสร้างสถานการณ์ในพื้นที่     
   
     ที่แยกมัฆวานรังสรรค์ บรรยากาศการชุมนุมกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) กลุ่มกองทัพธรรม และเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีประชาชนทยอยเข้าร่วมชุมนุมตลอดทั้งวัน ขณะที่บนเวทีได้มีการปราศรัยโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
   
     ขณะที่ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำกลุ่ม กปท. กล่าวว่า การชุมนุมกลุ่ม คปท.,กปท.และพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่เคลื่อนไหวรวมกัน แต่จะเป็นการขับเคลื่อนในจังหวะที่สอดรับกัน เพราะมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน โดยวันที่ 25 พ.ย.นี้ ทั้ง 3 กลุ่มจะมีการเคลื่อนไหวในแนวทางเดียวกัน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด ซึ่งหากประชาชนมามากแล้วเกิดการปิดล้อมสถานที่สำคัญบางจุด ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้สถาบันการศึกษาผนึกกำลัง
   
     ที่บริเวณถนนนครสวรค์ตัดแยกนางเลิ้ง ยาวไปถึงสนามม้านางเลิ้ง ศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ รามคำแหงและกลุ่มนักธุรกิจ รวมตัวเคลื่อนขบวนไปสมทบที่ถนนราชดำเนิน โดยเริ่มจากริ้วขบวนธงชาติและธงสถาบันการศึกษา ตามมาด้วยป้ายข้อความต่อต้านรัฐบาล เดินจากแยกสนามม้านางเลิ้ง ผ่านแยกเทวกรรม ถ.หลานหลวง มุ่งหน้าสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และรวมกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน
   
     ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ตลอดเส้นทางถนนพิษณุโลก จากบริเวณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ที่เป็นจุดตั้งเวทีจนถึงแยกยมราช เต็มไปด้วยมวลชนที่ทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมอย่างคับคั่ง ตลอด 2 ข้างทางจากแยกนางเลิ้งถึงแยกยมราช ส่วนบริเวณแยกนางเลิ้ง มุ่งหน้าแยกเทวกรรม ก็เต็มไปด้วยมวลชนที่ทยอยเดินทางมาเช่นกัน
   
     เวลา 14.15 น. นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำ คปท. ขึ้นปราศรัยว่า ขณะนี้ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้แถลงข่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 3 จุด คือ กลุ่มบริเวณแยกนางเลิ้ง สะพานมัฆวานฯ และกลุ่มผู้ชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะไปปิดสถานีโทรทัศน์ 3, 5, 7, 9 และกองทัพไทย ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ โกหกสันดานชั่วอีกแล้ว จำชื่อไว้ให้ดีพี่น้อง เพราะเราไม่ไปปิดสื่อ ไม่ไปปิดกองทัพ เพราะวันนี้กองทัพยืนอยู่ข้างประชาชน
     
     "ส่วนข่าวที่ไม่แถลง แต่เป็นเรื่องจริง คือเราจะไปปิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าทำแบบนี้ บิดเบือนแบบนี้ เราปิดแน่ นอกจากจะปิดแล้ว ผมจะนำบุกเข้าไป
เอง ส่วนพี่น้องที่เดินทางมาชุมนุมแล้วเข้าที่ชุมนุมไม่ได้ให้ไปที่โรงพักที่อยู่ใกล้ที่สุด ยึดทุกโรงพัก" นายนิติธรกล่าว    
     
     ก่อนหน้านั้น ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงว่า จากการข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมจะยกขบวนไปปิดล้อมสถานที่สำคัญตามประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เช่น ทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา เพื่อไม่ต้องการให้รัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานได้ และขณะที่แกนนำบางส่วนเตรียมใช้รถยนต์กระบะ 50 คัน นำมวลชน 100-200 คน เคลื่อนไปกดดันสถานที่หลายแห่ง ทั้งสถานที่ทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพอากาศ และไปกดดันสถานีโทรทัศน์ทุกแห่ง ทั้งช่อง 3, 5, 7, 9, NBT, Thai PBS รวมไปถึงสถานที่เชิงสัญลักษณ์ของรัฐบาล ทั้งที่ทำการพรรคไทยรักไทยและตึกชินวัตร โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้การจราจรติดขัดตั้งแต่เย็นนี้เป็นต้นไป การข่าวยังพบมีความพยายามก่อเหตุยั่วยุ ให้เกิดความรุนแรงด้วย
   
     โฆษก ศอ.รส.ยืนยันว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง เพราะจะมีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก ฉะนั้นขอเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และขอให้มั่นใจในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจะทำหน้าที่ดูแลการชุมนุมให้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ ขอแจ้งเตือนไปยังผู้ชุมนุมให้ระมัดระวังตัวเอง เนื่องจากอาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ทางตำรวจจะเลี่ยงการปะทะ แต่จะให้ตำรวจที่อยู่ในแนวป้องกัน ให้บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ หากมีการกระทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดี 
 
      ปูสั่ง กห.เกาะติดม็อบ
    ที่กระทรวงกลาโหม 14.30 น. พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า กลาโหมในฐานะหน่วยงานที่ดูแลด้านความมั่นคง มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะกรณีที่ได้มีกลุ่มผู้ที่ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์มีผลประโยชน์แอบแฝง พยายามนำข้อมูลที่อาจเข้าข่ายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาเผยแพร่และส่งต่อในโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพื่อสร้างความเข้าใจผิดและความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่พี่น้องประชาชน หากการกระทำใดๆ ที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถือเป็นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐบาล และกระทรวงกลาโหม ที่ต้องออกมาปกป้องและถวายพระเกียรติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 
   
     "ขอวิงวอนกับผู้ชุมนุมทุกกลุ่มที่ออกมาร่วมชุมนุมใช้แนวทางสันติวิธีแก้ปัญหาทางการเมือง ไม่อยากเห็นความขัดแย้งของพี่น้องประชาชนแบ่งออกเป็นฝักเป็นฝ่ายเหมือนบางประเทศที่มีการปะทะและเกิดเหตุจลาจล เช่น ประเทศรวันดา ที่มีความขัดแย้งกันของประชาชนทั้งสองเผ่าที่เคยเป็นเพื่อนบ้าน ญาติ พี่น้องกัน แต่จากสถานการณ์ทางการเมืองทำให้หันมาทำร้ายและฆ่ากันเอง"
   
     พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า ส่วนการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมนั้น รัฐบาลได้มอบหมายให้ศอ.รส. โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานดูแลรับผิดชอบ โดยจะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา โดยขณะนี้ยังไม่มีการร้องขอกำลังทหารแต่อย่างใด ส่วนที่มีข่าวลือออกมาว่ากองทัพจะมีเคลื่อนกำลังออกมานั้น ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน 
   
     รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการไซเบอร์กลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เฝ้าติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มม็อบราชดำเนินอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานงานไปยังศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพ ให้มีการติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมรายงานสถานการณ์ให้รับทราบ เนื่องจากขณะนี้มีความเป็นห่วงว่าการชุมนุมอาจจะเกิดความรุนแรง เพราะมีประชาชนเดินทางมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก จึงเกรงว่าแกนนำจะควบคุมผู้ชุมนุมไม่ได้ โดยเฉพาะการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายจากกลุ่มมือที่สาม
   
     อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีคำสั่งใดๆ ที่จะให้ทหารออกไปสนับสนุนภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ยังรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้ ขณะเดียวกันหากเกิดสถานการณ์รุนแรงจนตำรวจไม่สามารถควบคุมได้ กองทัพก็มีความพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือและดูแลประชาชนทันที ซึ่งทางตำรวจได้เตรียมการไว้หมดแล้วโดยปฏิบัติตามหลักสากล ซึ่งทางกองทัพเป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 มากที่สุด 
   
     ทั้งนี้ ที่บริเวณหน้าบ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ภายในซอยโยธินพัฒนา 3 ตั้งแต่ปากทางเข้าซอยไปตลอดจนถึงบ้านพัก มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการยืนรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตลอดทั้งวัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ภายในบ้านพัก โดยนายกฯ ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างต่อเนื่อง พร้อมรับฟังรายงานผลการประชุมวอร์รูมจากพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการประชุมกระทรวงแรงงาน นอกจากนี้ ยังใช้เวลาช่วงวันหยุดเตรียมข้อมูลชี้แจงฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดราม่าจะรักษากติกา
   
     เวลาประมาณ 16.20 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐสภาให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้ง ตลอดจนการชุมนุมของประชาชนที่สะท้อนแนวคิดหลากหลาย ที่หาข้อยุติไม่ได้ จึงทำให้เกิดความกังวลต่อเรื่องดังกล่าวในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ยืนยันที่จะรักษากติกา และพร้อมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในทุกเสียง เพื่อร่วมกันหาแนวทางออกของปัญหาร่วมกัน เชื่อว่าในความเป็นคนไทยมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เหมือนกันทุกคน ขอเรียกร้องความสามัคคี สมานฉันท์ สงบสุข และเคารพในหลักนิติรัฐ ในฐานะรัฐบาลไม่ต้องการเห็นภาพของการทะเลาะเบาะแว้งจนนำไปสู่ความรุนแรง การเสียเลือดเสียชีวิต
 
        "การชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่ละเมิดกฎหมาย สามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ตราบเท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น รัฐบาลจึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ดูแลความสงบเรียบร้อย บริหารจัดการด้วยความละมุนละม่อม และเป็นไปตามขั้นตอน วิธีการของมาตรฐานสากล เพื่อให้การแสดงออกของผู้ชุมนุมไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้ที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย และไม่เป็นเหยื่อของมือที่สามที่จะใช้ความรุนแรง ไม่เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะทำให้เกิดการสูญเสีย เพื่อเป็นเงื่อนไขแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ชอบธรรมนั้น"
   
      นายกรัฐมนตรีระบุว่า เชื่อมั่นว่าประเทศชาติจะไม่ถึงทางตันหากกระบวนการต่างๆ ยังยึดหลักระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและหากทุกคนหันหน้าเข้าหากัน ใช้เหตุใช้ผล เปิดกว้าง ไม่ใช้อารมณ์ ลดการเผชิญหน้า ใช้การพูดคุยด้วยวิถีแห่งสันติ ซึ่งเวทีปฏิรูปการเมืองเพื่อหาทางออกของประเทศที่รัฐบาลได้ริเริ่มไว้ ยังเปิดกว้างที่จะให้ทุกฝ่ายทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ในอีกไม่กี่วันก็จะมีตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามแนวทางของรัฐสภา 
   
     ที่กระทรวงแรงงาน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะที่ปรึกษา ผอ.ศอ.รส. ประชุมติดตามสถานการณ์การชุมนุมของประชาชนที่ถนนราชดำเนินโดยมีผู้เกี่ยวข้องร่วมหารือ อาทิ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.รส., พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบ.ช.น. เข้าร่วม
     
     โดย ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมว่า  อยากฝากไปถึงผู้ที่ใช้โซเชียลมีเดีย และประชาชนที่หลงเชื่อตามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่แสดงพฤติกรรมเท็จหลอกลวงประชาชนให้มาร่วมชุมนุม ด้วยการกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าไม่จงรักภักดี และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คดีปราสาทพระวิหาร รวมทั้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ซึ่งประเด็นทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เงื่อนไขแล้ว ตนยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จงรักภักดีแน่นอน และรัฐบาลชุดนี้ก็จงรักภักดี โดยตั้งคณะทำงานมาตรวจจับเว็บไซต์หมิ่นสถาบันหลายคดี แต่ไม่ขอเปิดเผย เพราะมีผู้ใหญ่ห้ามไว้ 
       
      "ตอนนี้คนที่ถูกกล่าวหาเป็นกบฏมีอยู่คนเดียว คือ นายสุเทพ ที่ประกาศห้ามคนจ่ายภาษี ห้ามทำงาน มีความผิดตามมาตรา 117 มีโทษจำคุก 7 ปี ผมถามประชาชนที่กำลังเดินทางมาชุมนุมว่า ถ้านายสุเทพ ซึ่งถูกกล่าวหาเป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือด ล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ จะเอานายสุเทพเป็นนายกฯ กันหรือไม่ ตอนนี้บอกได้เลยว่านายกรัฐมนตรีไม่ยุบสภา ไม่ลาออก การประกาศไล่นายกฯ ถือเป็นกบฏในราชอาณาจักร"
       
     รมว.แรงงานยืนยันว่า ตำรวจเป็นมิตรกับประชาชน ไม่ใช่ศัตรู สิ่งที่ตนเป็นห่วงที่สุดว่าประชาชนจะได้รับอันตราย เพราะตำรวจมีข่าวตรงกันว่ามีกลุ่มคนเตรียมนำอาวุธสงครามเข้ามาก่อเหตุในระหว่างการชุมนุม โดยขนย้ายกันเมื่อเวลา 02.00 น.ที่ผ่านมา และทราบว่าเป็นกลุ่มไหน แต่ยังไม่เปิดเผย และได้กำชับไปทางตำรวจว่าให้ขอหมายค้นไปแล้ว 
 
ปูดแผนล้มรัฐบาล
    ภายหลังการประชุม ร.ต.อ.เฉลิมแถลงว่า ประชุมเกรงว่าจะมีมือที่สามมาก่อความรุนแรงให้เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ปรารถนา เพราะก่อให้เกิดความเสียหาย
ต่อประชาชน แต่ที่ประชุมวิเคราะห์ไม่ออกว่าสิ่งที่นายสุเทพทำ สุดท้ายเพื่ออะไร เพราะเงื่อนไขการชุมนุมไม่มีแล้ว ทั้งนี้ยืนยันไม่มีการสลายม็อบ ไม่มีให้เจ้าหน้าที่พกอาวุธ
พวกผมไม่มีมือเปื้อนเลือด
   
      รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมคิดว่าผู้ชุมนุมน่าจะใช้โมเดลเดียวกับเมื่อช่วงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อปี 49 ขณะเดียวกัน ยังมีการวิเคราะห์กันว่า ในช่วงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย. ผู้ชุมนุมจะพยายามปั่นป่วนให้สภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถลงมติได้ เพราะหากปล่อยให้มีการลงมติเสร็จสิ้น จะทำให้นายกฯ สามารถยุบสภาได้ จึงต้องขัดขวางเพื่อให้เกิดเดดล็อกทางการเมือง และฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเริ่มมีการวางตัวนายกฯ คนใหม่ไว้แล้วคือ 2 ป. 2 อ. และ 1 พ. คนใดคนหนึ่ง จึงต้องมีการเตรียมสถานที่สำรองเอาไว้เพื่อให้สามารถลงมติได้  ระหว่างการประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังได้โทรศัพท์มาหา ร.ต.อ.เฉลิม โดยได้กำชับให้หลีกเลี่ยงอย่าให้มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดความวุ่นวายได้ สำรับการประชุมครม.วันที่ 25 พ.ย. นายกฯ ยังแสดงเจตนารมณ์ว่าอยากจะประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล เพียงแต่ได้มีการเตรียมสถานที่สำรองไว้ประมาณ 2 ที่ ในกรณีที่ไม่สามารถเข้าไปประชุมในทำเนียบรัฐบาลได้ 
   
      ด้านนายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กำลังฮึกเหิมปลุกระดมคน มาก่อการโค่นล้มรัฐบาล เสี่ยงเกิดสงครามกลางเมืองและเกิดสงครามระหว่างภาค มีการเกณฑ์คนจากจังหวัดภาคใต้เข้ามาในกรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่ขณะนี้ในหลายจังหวัดภาคใต้เกิดอุทกภัย เสียหายอย่างหนัก ถามว่านายสุเทพคิดอะไรอยู่ แทนที่จะพักม็อบแล้วกลับไปช่วยเหลือดูแลความทุกข์ยากของประชาชนก่อน วันนี้นายสุเทพรบไม่ชนะหรอก และก็ไม่ชนะใจประชาชนด้วย
   
     ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า จะเรียกประชุมพรรคในวันที่ 25 พ.ย. เพื่อหารือเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย. โดยจะให้ ส.ส.งดภารกิจตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.ถึงสิ้นเดือน พ.ย. เพื่อติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ จะหารือเรื่องสถานการณ์การชุมนุมที่ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 3 กลุ่มได้มารวมกันแล้ว สะท้อนให้เห็นว่าเป็นพวกเดียวกัน มีเป้าหมายเหมือนกันคือล้มรัฐบาล แต่รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ยุบสภา ลาออกและไม่ยอมรับอำนาจนอกระบบ หากนายสุเทพล้มรัฐบาลโดยไม่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย จนได้อำนาจกลับมาเป็นรัฐบาล คน 15 ล้านเสียงที่เลือกพรรคเพื่อไทยเป็น
รัฐบาลก็คงไม่ยอม จะออกมาเรียกร้องเช่นกัน ในที่สุดรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็จะถูกล้มเช่นกัน
   
      นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ส่วนที่นายสุเทพเตรียมดาวกระจาย 12 เส้นทาง ในวันที่ 25 พ.ย.นั้น เป็นแผนหลอก แต่ข้อเท็จจริงต้องการไป 3 จุดคือ
1.ไปปิดล้อมรัฐสภาแบบถาวร
2.ไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลเป็นง่อย ทำงานไม่ได้
3.ไปกดดัน ป.ป.ช. ให้รีบชี้มูลลงมติคดีถอดถอน 312 ส.ส.และ ส.ว.โดยเร็ว เหตุผลที่
ไปปิดล้อมรัฐสภา เพื่อให้ไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย. และโหวตลงมติในวันที่ 28 พ.ย.ไม่ได้ จนปิดประชุมสภาในวันที่ 29 พ.ย. ทำให้ญัตติอภิปรายค้างอยู่ หลังจากปิดสมัยประชุมสภา ป.ป.ช.จะรีบชี้มูลความผิด 312 ส.ส.และส.ว.โดยเร็ว จากนั้นฝ่ายค้านจะเสนอญัตติเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาลงมติไม่ไว้วางใจ ทำให้เหลือแต่ ส.ส.ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย เมื่อเป็นเช่นนี้ นายกฯ จะถูกลงมติไม่ไว้วางใจ เปิดช่องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ถูกเสนอชื่อแนบท้ายญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนก่อนวันที่ 21 ธ.ค. ที่จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติ 
   
      "อยากถามนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพว่า วางแผนไว้เช่นนี้จริงหรือไม่ หากทำจริง ก็เกิดกลียุคในบ้านเมือง คนที่เลือกพรรคเพื่อไทย 15 ล้านเสียงคงไม่ยอม"
นายพร้อมพงศ์กล่าว
   
      นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า นายสุเทพและพวกเดินหน้าล้มรัฐบาล โดยแอบแฝง ใช้คำว่าล้มระบอบทักษิณ ขอถามว่า นายสุเทพจะชุมนุมไปจนกว่านายอภิสิทธิ์จะได้เป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ นักการเมืองจะแย่งชิงอำนาจกัน ก็ควรเป็นไปตามวิธีทางประชาธิปไตย ผ่านการเลือกตั้ง สมมติว่านายสุเทพล้มรัฐบาลนี้สำเร็จ ไม่คิดหรือว่าประชาชนที่ไม่พอใจก็จะมาล้มรัฐบาลของนายสุเทพบ้าง ดังนั้นเราควรยุติวงจรอุบาทว์ทางการเมืองได้แล้ว เพราะท้ายที่สุดคนไทยทุกคนก็จะ เป็นคนแพ้ ไม่มีคนชนะ เสื้อแดงมาแค่หมื่นคน
    ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า
    การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่สนามราชมังคลากีฬาสถานวันนี้ จะเป็นการชุมนุมในที่ตั้งเท่านั้น ไม่มีการเคลื่อนขบวนออกจากสนาม เพราะมีรายงานว่าอาจจะมีกลุ่มสร้างสถานการณ์ โดยมีคนใส่เสื้อสีแดงไปก่อเหตุวุ่นวายกับมวลชนเวทีประชาธิปัตย์ เพื่อให้สถานการณ์บานปลาย รัฐบาลควบคุมไม่ได้ ดังนั้นยืนยันว่าจะไม่มีเสื้อแดงไปสร้างสถานการณ์ ถ้าเวทีนายสุเทพยุติเพราะคนไม่มาก เราก็ยุติการชุมนุม แต่ถ้าม็อบนายสุเทพยืดเยื้อปิดล้อมสถานที่ราชการ เราก็จะปักหลักชุมนุมต่อไป
   
      สำหรับบรรยากาศการชุมนุมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ภายใต้ชื่อ "รัฐถูกประหารโดยศาลรัฐธรรมนูญ" ในช่วงเย็นเริ่มคึกคักขึ้น เมื่อมวลชนเสื้อแดงได้ทยอยเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมประมาณ 1 หมื่นคน   ขณะที่เวทีปราศรัย นปช. ปรับแนวทางปราศรัยเป็นการแสดงดนตรีเพื่อให้มวลชนผ่อนคลายด้วย จากนั้น เวลา 18.00 น.
 
     แกนนำ นปช. อาทิ นางธิดา ถาวรเศรษฐ, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นเวทีนำคนเสื้อแดงเคารพเพลงชาติ จากนั้นนาง
ธิดาได้อ่านแถลงการณ์แนวทางการต่อสู้ของ นปช.ในครั้งนี้ว่า จะชุมนุมที่ราชมังคลาฯ จนกว่าระบอบประชาธิปไตยจะกลับสู่สภาวะปกติ  
     
     โดยมีแนวทางการต่อสู้ ดังนี้ 1.ยืนยันว่าการเมืองการปกครองต้องเป็นระบบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เป็นอำนาจแท้จริงของรัฐสภา 3.นปช.ยืนยันการต่อสู้สันติวิธีในฐานะพลัง เพื่อปกป้องประชาธิปไตย โดยจะไม่เผชิญหน้าหรือใช้ความรุนแรง 4.ต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบ
ไม่ว่าเป็นรัฐประหารโดยการใช้กฎหมายที่มิใช่นิติธรรมหรือรัฐประหารโดยกองทัพ   
   
     ด้านนายจตุพรกล่าวว่า ที่นายสุเทพบอกว่าวันนี้จะมีผู้มาชุมนุม 1 ล้านคนนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะตัวเลขผู้ชุมนุมจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ มีเพียง 59,000 คน ยังน้อยกว่าจำนวนคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 14 มี.ค.53 หากนายสุเทพไม่ผูกคอตาย เราก็ไม่เลิกชุมนุม แต่ถ้าหากนายสุเทพผูกคอตายวันนี้ เราก็จะเลิกชุมนุมวันนี้ ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมกับนายสุเทพ ล้วนแต่เป็นผู้ที่เคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นผู้ที่เปิดทางให้มีการรัฐประหาร ถึงอย่างไรนายสุเทพไม่มีวันชนะคนเสื้อแดงไปได้ 
   
     นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ "เจ๋ง ดอกจิก" แกนนำกลุ่ม นปช. เปิดเผยว่า มีการเตรียมการไว้แล้วว่าจะชุมนุมเป็นเวลา 5 วัน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เนื่องจากสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจต่อเสถียรภาพของรัฐบาล 
     
     นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีความเป็นห่วงว่ามีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะใช้คนเสื้อแดงปะทะมากับกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาล ซึ่งจะทำให้เกิดวิกฤติจนถึงขั้นกลียุค และนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ เพราะมิได้กระทำการใดๆ เพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดปัญหาต่อประเทศชาติ ตรงกันข้าม กลับมีพฤติกรรมในลักษณะปากว่าตาขยิบมาโดยตลอด นอกจากนี้ยังมีรายงานล่าสุดว่าที่ จ.ปทุมธานี มีการขนคนเสื้อแดงเข้ามาแฝงตัวในการชุมนุมที่ราชดำเนิน โดยไม่ได้ใส่เสื้อสีแดง แต่ให้ใส่เสื้อสีชมพูแทน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดการสร้างสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ด้วย
 
แนะนายกฯ ยุบสภา
    นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน  กล่าวว่า ในขณะนี้ฝ่ายความมั่นคง ศอ.รส.และรัฐบาล กำลังประเมินสถานการณ์ผิดพลาดอย่างมหันต์ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินจำนวนคนที่น้อยกว่าความเป็นจริง และเชื่อว่าการสกัดกั้นสารพัดวิธีโดยการตั้งด่านของตำรวจและการวางตะปูเรือใบ จะสามารถสกัดมวลชนอยู่ เหมือนม็อบเสธ.อ้ายนั้น ไม่ได้ผลแล้ว เพราะมวลชนทะลักไหลเข้ามาคาดว่าเกินล้านแน่นอน อยากบอกไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถ้านาทีนี้ยังคิดว่าจะเอาอยู่และจะสู้โดยให้ลิ่วล้อเผชิญหน้าแทนนั้น อาจจะเป็นความผิดพลาดร้ายแรงที่สุดในชีวิต และไม่มีโอกาสได้แก้ตัวใดๆ เลยนายกฯ ต้องยืนอยู่บนความจริงและตัดสินใจปลดชนวนความขัดแย้งทางการเมืองโดยเร็วที่สุด ก่อนจะเดินตามรอยความผิดพลาดที่กู่ไม่กลับของพี่ชาย
   
     นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชน ปี 35 กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความรุนแรง เพราะประชาชนไม่สามารถทนได้กับการใช้อำนาจที่เกินขอบเขตของรัฐบาลมาเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งเกิดความต้องการที่จะปฏิรูปประเทศ เชื่อว่าประชาชนคงไม่ถอย และการแสดงความไม่พอใจจะกระจายวงกว้างออกไป ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาลใช้ช่องทางที่เป็นกระบวนการประชาธิปไตยคือการลาออกหรือตัดสินใจยุบสภาทันทีที่อภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น เพื่อพาบ้านเมืองกลับเข้าสู่การเลือกตั้ง ให้การต่อสู้ทางการเมืองกลับเข้าสู่รูปแบบที่มีกฎ กติตา และที่สำคัญ ให้ประชาชนได้ตัดสินอนาคตของประเทศ
     
     นายสุนัย ผาสุก ผู้ประสานงานที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรต์วอตช์ประจำประเทศไทย เสนอว่า เป็นความจำเป็นที่แต่ละฝ่ายต้องให้สัตยาบันแก่สังคม ด้วยการที่ผู้นำการชุมนุมแต่ละขั้ว ทั้งฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลอยู่ขณะนี้ บวกกับฝ่ายเสื้อแดงต้องออกมาให้สัตยาบัน อย่างน้อยคืนนี้เราควรเห็นทุกเวทีออกมาประกาศว่า จะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองอย่างสงบ สันติ ไม่ใช่ความรุนแรงอย่างเด็ดขาด กลับไปที่ราชดำเนิน ในช่วงเย็น มีประชาชนมาชุมนุมจำนวนมาก โดยหัวแถวของผู้ชุมนุมยาวไปถึงแยกยมราช ขณะที่ห่างแถวผ่านทางสนามหลวงและยาวขึ้นไปบนสะพานปิ่นเกล้าทั้งขาเข้าและขาออก  โดยประชาชนที่เดินมาไม่สามารถเข้าไปบริเวณใจกลางเวทีการปราศรัยในบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้กระจัดกระจาย
ไปตามซอยต่างๆ อาทิ ถนนดินสอ (เสาชิงช้า) แยกคอกวัว ถนนข้าวสาร  เป็นต้น
   
      เวลา 17.00 น. นายสุเทพได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่สนามหลวง ซึ่งเป็นเวทีย่อยที่เปิดมารองรับจำนวนประชาชนที่หลั่งไหลมาจำนวนมาก โดยบอกว่า ใครจะกลับไปอาบน้ำอาบท่าก็ได้ พรุ่งนี้ (25 พ.ย.) เช้าก็รีบมา แต่ระวังพรุ่งนี้รถในกรุงเทพฯ จะติดมาก ส่วนพี่น้องที่ค้างอยู่ที่นี่ พวกตนก็จะค้างอยู่แถวนี้ ตื่นเช้าทำภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว
 
เทือกซ้อมเดินอารยะ
    "เราจะออกเดินกัน เอ็กเซอร์ไซส์กันหน่อย เดี๋ยวคืนนี้จะประกาศบนเวทีใหญ่ และจะมาขอกำลังจากพี่น้องที่จะออกเดินไปในวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้เราทานอาหารเสร็จ 08.30 น. เราก็จะเริ่มออกเดิน จะมีแกนนำมาจัดขบวนนำไป และเดินแบบอารยะ สันติ ปราศจากอาวุธ เดินแบบพระธุดงค์ ไม่มีท้าตีท้าต่อยกับใคร ถ้าแกนนำบอกว่านั่งก็ให้นั่งตรงนั้นเฉยๆ ไม่ทำอะไรใคร ถ้าแกนนำบอกให้กลับสนามหลวง ก็กลับสนามหลวงร้องเพลงเฮฮา นี่ผมบอกไว้ก่อน แล้วดึกๆ ผมจะมาขึ้นเวทีที่นี่อีกสักหน่อย เดี๋ยวผมต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไป เพราะตรงนั้นมันแน่นมาก ที่นี่นั่งสบายกว่าเยอะ แล้วผมจะกลับมาทำหน้าที่ใหม่" นายสุเทพกล่าว
   
     ที่แยกนางเลิ้ง เวที คปท. นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยานายสมชาย นีละไพจิตร กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า ในฐานะที่อาวุโสกว่าคุณยิ่งลักษณ์ ในฐานะที่เป็นเหยื่อ ฝากความปรารถนาดีไปยังคุณยิ่งลักษณ์ วันนี้จำเป็นต้องแสดงภาวะเป็นผู้นำประเทศ อย่าหลบอยู่ข้างหลัง และไม่ต้องให้คนอื่นมาพูดว่า นายกฯ ไม่ต้องรับผิดชอบอีกต่อไป คุณยิ่งลักษณ์จำเป็นต้องเชื่อเหมือนที่พวกเราเชื่อว่า ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคนตระกูลชินวัตร มาเป็นผู้ปกครองประเทศ
   
     ขณะที่ นายสุริยะใส กตะศิลา คณะแกนนำภาคีเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด ให้สัมภาษณ์ว่า การเคลื่อนไหวเดินขบวนใหญ่โค่นระบอบทักษิณ ปฏิรูปประเทศไทยของภาคประชาชน ที่จะเริ่มขึ้นในเช้าวันที่ 25 พ.ย. พร้อมกันทั้งเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เวทีกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ(กปท.) และกองทัพธรรม ที่แยก<
Admin : admin
view
:
1124

Post
:
2013-11-25 10:37:07


ร่วมแสดงความคิดเห็น