สดร.ชวนคนไทยชมดาวหาง'ไอซอน' ลุ้นสว่างเกินคาด
2013-11-01 09:26:29
 
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ดาวหางไอซอนโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ในวันที่ 28 พฤศจิกายน ห่างเพียง 1.8 ล้านกิโลเมตรจากศูนย์กลางดวงอาทิตย์ (ดาวพุธที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 45 ล้านกิโลเมตร) ด้วยระยะที่ใกล้ขนาดนี้ ดาวหางน่าจะมีความสว่างมากที่สุด แต่เนื่องจากถูกแสงของดวงอาทิตย์กลบ จึงไม่สามารถมองเห็นได้ ดังนั้น ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการชมดาวหางไอซอน คือก่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ในวันที่ 20-25 พฤศจิกายน 2556 และหลังเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ในวันที่ 8-15 ธันวาคม 2556 เวลาเช้ามืดทางทิศตะวันออกก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น บริเวณกลุ่มดาวหญิงสาว อีกทั้งเมฆและอนุภาคฝุ่นบริเวณขอบฟ้าในช่วงฤดูหนาวจะไม่ขึ้นสูงมาก เราจึงน่าจะมีโอกาสลุ้นชมดาวหางด้วยตาเปล่าได้มากขึ้น หรือหากใช้กล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์ช่วยในการสังเกตจะเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น 
 
 
ดร.ศรัณย์ กล่าวต่อว่า ดาวหางเป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติบนท้องฟ้าที่น่าสนใจและหาชมได้ยากเท่านั้น จะไม่เกิดผลกระทบใด ๆ ต่อโลกทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม การที่ดาวหางไอซอนไม่เคยโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มาก่อน ทำให้การคาดการณ์มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา นักดาราศาสตร์ทั่วโลกต่างจับตามองดาวหางไอซอนนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่จะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลล่าสุดของดาวหางไอซอนผ่านทางเว็บไซต์ของสถาบันฯ ที่ www.narit.or.th และ www.facebook.com/NARITpage
 
 
ทั้งนี้ ดาวหางไอซอน (ISON) หรือ C/2012 S1 เกิดจากหมู่เมฆออร์ตบริเวณขอบระบบสุริยะ ถูกค้นพบโดยสองนักดาราศาสตร์สมัครเล่น ไวตาลี เนฟสกี้ ชาวเบลารุส และ อาร์เตียม โนวิคโคนอค ชาวรัสเซีย ภายใต้โครงการ ไอซอน (ISON: International Scientific Optical Network) เมื่อเดือนกันยายน 2012 การมาเยือนของดาวหางไอซอนครั้งนี้ สร้างความตื่นเต้นในหมู่นักดาราศาสตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีดาวหางเฉียดดวงอาทิตย์ (Sungrazing Comet) ผ่านมาให้ชาวโลกได้ยลโฉมกัน และจะโคจรผ่านมาเพียงเที่ยวเดียว ไม่โคจรกลับมาอีกเหมือนดาวหางที่คุ้นเคยเช่น ดาวหางฮัลเล่ย์ที่มีคาบโคจรทุก 75-76 ปี และเนื่องจากดาวหางมีองค์ประกอบเป็นน้ำแข็งฝุ่น และก๊าซหลายชนิด ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง เมื่อโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์จะถูกเผาไหม้เกิดเป็นหางยาวจนอาจแตกเป็นเสี่ยง หรือระเหยออกไป หากดาวหางไอซอนเหลือเป็นชิ้นหนีรอดจากแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์มาได้ เราก็จะได้ชมปรากฏการณ์ท้องฟ้าที่หายากนี้ครั้งนี้ได้ด้วยตาเปล่า 
 
นอกจากนี้ นักดาราศาสตร์ยังคาดการณ์ว่า ไอซอนจะเป็นดาวหางที่มีความสว่างที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ในระยะแรกคาดว่าความสว่างปรากฏอาจมากถึงแมกนิจูด -13.5 ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2556 มีการประมาณค่าความสว่างใหม่ โดยคาดว่าช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนค่าความสว่างอยู่ที่แมกนิจูด 6 และต้นเดือนธันวาคม อยู่ที่แมกนิจูด -2 การวัดค่าความสว่างวัตถุท้องฟ้าใช้หน่วยแมกนิจูด (Magnitude) ค่ายิ่งต่ำยิ่งสว่างมาก ตาของมนุษย์สามารถมองเห็นวัตถุสว่างน้อยที่สุดประมาณแมกนิจูด 6 ดังนั้นค่า -13.5 จึงนับว่าสว่างจ้าเมื่อเทียบกับวัตถุอื่นๆ
 
Admin : Chanya

Admin : admin
view
:
1046

Post
:
2013-11-01 09:26:29


ร่วมแสดงความคิดเห็น