รายการครอบครัวข่าวเช้า ทางช่อง 3 ได้นำเสนอความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีลอบยิง เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักยิงปืนทีมชาติไทย โดยรายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัดประเด็นพระเครื่อง, สมาคมยิงปืน และประเด็นยาเสพติดออก พุ่งเป้าไปที่ประเด็นครอบครัว ส่วนประเด็นเรื่องขัดแย้งกับพนักงานธนาคารกสิกรไทย ที่ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ เคยแจ้งความไว้ ด้านผู้จัดการสาขาบอกว่าได้ย้ายไปที่สาขาอื่นแล้ว และคิดว่าคงไม่มีศักยภาพมากพอที่จะจ้างมือปืนเพื่อสังหาร เอ็กซ์ จักรกฤษณ์

 

         ทั้งนี้ รายงานยังระบุอีกว่า จากกล้องวงจรปิดเพื่อนบ้าน พบชายต้องสงสัย 2 คน ไปป้วนเปี้ยนแถวหน้าบ้านเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ จึงเรียกสอบปากคำ เพื่อเค้นข้อมูลเกี่ยวกับมือปืนและมือจ้างสังหาร และถ้าใช่ก็จะสาวมายังลูกพี่ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

 

         นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่าสงสัยอีกเมื่อสอบปากคำพยานรายหนึ่งแล้วพบว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 4 วัน พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือ หมอนิ่ม ภรรยา ได้ทะเลาะกับ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ อย่างรุนแรง ถึงขั้นที่เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ เกือบลงไม้ลงมือกันอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าการทะเลาะกันในครั้งนี้ น่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่นำไปสู่การสังหาร เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มุ่งเป้าไปที่คนของครอบครัวหมอนิ่ม

 

         โดยมีรายงานเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึก ระบุว่า เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ หลังออกจากเรือนจำแล้ว ได้ปรึกษาปัญหาครอบครัวและเคยเปรยกับพยานสำคัญรายหนึ่งว่า "จะมีลมหายใจอยู่ถึงเมื่อไรยังไม่รู้" เหมือนว่าเจ้าตัวจะรู้ชะตากรรมชีวิตของตนเอง ส่วนทางคนในครอบครัวของหมอนิ่มเองก็เคยทะเลาะเบาะแว้งกับ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ทั้งเคยชี้หน้าด่าทอและเคยถูกขู่ฆ่าเอาชีวิตกันด้วย

 

         พยานปากสำคัญ ยังเผยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกว่า ในครอบครัวของหมอนิ่ม จะมี "แม่ใหญ่" ซึ่งเป็นแม่ของพี่ชายต่างมารดาของหมอนิ่ม ที่หมอนิ่มเคารพนับถือ โดยเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ได้ทะเลาะกับหมอนิ่มหลายต่อหลายครั้ง และพยายามจะขอคืนดีด้วย แต่หมอนิ่มไม่ยอม ด้านเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ จึงโทรไปขอความช่วยเหลือจากแม่ใหญ่ หวังให้ครอบครัวกลับมาอบอุ่นเหมือนเดิม

 

         รายงานยังระบุอีกว่า เมื่อแม่ใหญ่รับปากว่าจะช่วยให้ทั้งคู่คืนดีกัน เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ดีใจมาก แต่ฝั่งแม่ใหญ่ลืมกดวางสายโทรศัพท์ ทำให้เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ได้ยินว่าแม่ใหญ่คุยกับคนในครอบครัวประมาณ 3-4 คน ด่าทอเจ้าตัวอย่างสาดเสียเทเสีย และมีการวางแผนกำจัดให้พ้นออกไปจากครอบครัว อีกทั้งยังมีการพูดถึงทรัพย์สินหลายอย่างด้วย ทำให้เอ็กซ์เก็บอารมณ์ไม่อยู่ เดินทางไปอาละวาดที่บ้านแม่ใหญ่ทันที และได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "ถ้ากูพกปืนได้เหมือนเมื่อก่อน พวกมึงจบไปแล้ว"

 

         อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า แม่ใหญ่ได้จัดทหารอากาศจำนวน 4 นาย เพื่อเป็นบอดี้การ์ดคอยดูแลและคุ้มครองหมอนิ่มตลอด 24 ชั่วโมง โดยคิดค่าจ้างทั้ง 4 คน กว่า 1.5 แสนบาท ได้แก่ จ.อ.นคร ลังบุปผา / พ.อ.ท.รัชมังคัล นาวิกวานิช / พ.อ.ท.กร ศรีกลิ่นสุวรรณ และพ.อ.ท.ภาณุวัฒน์ ศุภกิจ โดยขณะนี้ทั้งหมดยังไม่ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือไปยังต้นสังกัด เพื่อสอบถามข้อมูลเรื่องการครอบครองอาวุธปืนของแต่ละนายแล้ว

 

         ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พุ่งเป้าไปยังบุคคลที่มีฉายาว่า "สห. รูปหล่อ" ซึงเป็นอดีตทหารนอกราชการ มีประวัติเป็นเอเย่นต์มือปืนภาคตะวันออก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบว่า ในวันที่เกิดเหตุ สห. รูปหล่อ นายนี้ เข้ามาอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหรือไม่ และทหารอากาศทั้ง 4 นาย อยู่ที่ไหนในวันเกิดเหตุ

 

         สำหรับการสังหาร เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ไม่ใช่การสะกดรอยตาม แต่เป็นการชี้เป้าโดยการส่งซิกและยิง ซึ่งต้องเป็นคนในครอบครัวของหมอนิ่มที่รู้ถึงการเคลื่อนไหวของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ เป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้ตำรวจกำลังเช็กเป้าไปที่พี่ชายต่างมารดาของหมอนิ่ม คือ นายชานนท์ หรือหนุ่ม ภู่เจริญยศ พี่ชายคนโต และนายชวสรณ์ หรือตู้ ภู่เจริญยศ โดยทั้งคู่ปฏิเสธไม่เคยมีความขัดแย้งกับผู้ตาย หรือมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันรุนแรง  แต่ให้การว่าเคยเห็นผู้ตายทะเลาะกับ พญ.ณิธิวดี แต่ทั้งคู่ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะเห็นเป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งให้การไม่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมุ่งเป้าประเด็นนี้ และจะทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป

 

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  เรื่องเล่าเช้านี้

Admin : Chanya