เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 7 ต.ค. นายบุญลือ เธอกิจ อายุ 59 ปี ประธานชุมชนวัดบวรมงคล ซอยจรัญสนิทวงศ์ 46 ถนนลูกมหาดไทย แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม.ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในชุมชน ว่า น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้หนุนสูงขึ้นจนล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ซึ่งอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท่าเรือบวรมงคลแล้ว จึงประสานเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ สำนักงานเขตบางพลัด นำกระสอบทราย และเครื่องสูบน้ำเข้ามาติดตั้งเพิ่มเติมจากที่เคยมีอยู่แล้ว 1 เครื่อง เมื่อคราวประสบอุทกภัยในปี พ.ศ.2554
จากการตรวจสอบพบว่า บ้านเรือนที่อยู่ด้านข้าง สน.บวรมงคล ในจุดที่พ้นเขื่อนแก้มลิงออกไป จำนวน 4-5 หลัง ได้ถูกน้ำในแม่น้ำหนุนขึ้นจนท่วมเข้าบ้าน สูงประมาณ 50 เซนติเมตร นอกจากนี้ ยังมีขยะและผักตบชวาลอยเข้าไปภายในบ้าน ขณะที่บริเวณปากท่อระบายน้ำ และรอยแยกบนพื้นถนนหน้า สน.บวรมงคล ได้มีน้ำผุดขึ้นมาท่วมลานจอดรถของโรงพัก ด้านผู้ใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยาที่ต้องสัญจรผ่านท่าเรือบวรมงคล ต้องถอดรองเท้าเดินลุยน้ำไปขึ้นเรือ เบื้องต้นทางคณะกรรมการชุมชนได้นำไม้กระดานมาวางพาดเพื่ออำนวยความสะดวกชั่วคราว แต่ก็เกรงว่าคนชราและเด็กอาจลื่นพลัดตกลงไปในแม่น้ำได้
นอกจากนี้ ทางชุมชนได้จัดเวรยามเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนยังน่าเป็นห่วงอยู่ ประกอบกับเมื่อปลายปี 2554 ชุมชนนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักน้ำเข้าท่วมสูงถึง 1.50 เมตร ส่วนกรณีที่มีน้ำหนุนเข้าบ้านเรือนประชาชน และผุดออกตามท่อในช่วงเช้าวันนี้ ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าหากฝนยังตกหนักต่อไป อาจต้องเตรียมตัววางมาตรการรับมือกับอุทกภัยอีกก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่เขตบางพลัดได้เร่งเดินเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่แล้ว 1 ตัว เพื่อระบายน้ำที่ขังบริเวณหน้าโรงพัก และในบ้านที่ได้รับผลกระทบลงสู่เจ้าพระยาให้รวดเร็วที่สุด มีการวางกระสอบทรายกั้นในแนวอันตราย จำนวน 200 ถุง และจะติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมอีก 2 ตัว เพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์วิกฤติที่อาจเกิดขึ้นต่อไป
ด้านนายจำรัส เงาะเศษ อายุ 40 ปี ตำแหน่งภารโรง สน.บวรมงคล เล่าว่า เมื่อปี พ.ศ.2554 น้ำท่วมเข้าพื้นที่หน้าโรงพักเต็มอัตรา ชาวบ้านในชุมชนต้องมาขอนอนพักบนชั้นที่ 2 อย่างเนืองแน่น อย่างไรก็ตาม หากน้ำท่วมอีกในปีนี้ ทางโรงพักก็มีเรือสายตรวจ จำนวน 2 ลำ ไว้คอยให้บริการประชาชนอยู่แล้ว โดยจะใช้เรือรับส่งทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกัน และประชาชนระหว่างท่าเรือบวรมงคลถึงท่าเรือเทเวศร์ เนื่องจากทางฝั่งเทเวศร์ไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ เชื่อว่าตำรวจน่าจะนำบทเรียนจากอุทกภัยคราวก่อนมาปรับใช้กับการช่วยเหลือประชาชนได้เป็นอย่างดี
