หนังสือพิมพ์เยอรมนีตีข่าว ว่าเครือข่ายก่อการร้ายอัล เคดากำลังวางแผนโจมตีโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงของยุโรป อ้างข้อมูลจากการดักฟังกลุ่มก่อการร้ายของสหรัฐฯ... นสพ.บิลด์ ของเยอรมนี สื่อสิ่งพิมพ์รายวันที่มีผู้อ่านมากสุดในยุโรปรายงานเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ว่า เครือข่ายก่อการร้ายอัล เคดากำลังวางแผนโจมตีโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงของยุโรป โดยบิลด์อ้างข้อมูลจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ) ของสหรัฐฯที่ดักฟังการประชุมทางโทรศัพท์ของเหล่าผู้นำกลุ่มอัล เคดาและมีการโจมตีเครือข่ายรถไฟของยุโรปเป็นหัวหลักของการประชุม ซึ่งตามแผนโจมตี กองกำลังอัล เคดา จะเข้าไปลอบวางระเบิดบนรถไฟหรืออุโมงค์ทางรถไฟ หรือไม่ก็ลอบก่อวินาศกรรมรางรถไฟและสายเคเบิลไฟฟ้าของรถไฟ หลังรับรู้ข้อมูล เยอรมนีได้เตรียมพร้อมรับมือ ทั้งส่งตำรวจลับไปประจำการตามสถานีรถไฟหรือเส้นทางเดินรถไฟสายสำคัญๆ ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สื่อของสหรัฐฯระบุว่าหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯดักฟังการประชุมทางโทรศัพท์ของนายไอมาน อัลซาวาฮิรี ผู้นำอัล เคดาและผู้นำฝ่ายปฏิบัติการของอัล เคดาจากทั่วทุกภูมิภาคอีกกว่า 20 คน ทำให้สหรัฐฯและชาติพันธมิตรสั่งปิดสถานทูตและสถานกงสุลทั่วโลกมุสลิม ป้องกันการถูกโจมตีครั้งใหญ่ และเมื่อ 1 ส.ค.สหรัฐฯแจ้งเตือนภัยทั่วโลก กลุ่มอัล เคดามีแผนโจมตีในภูมิภาคตะวันออกกลางหรือแอฟริกาเหนือ วันเดียวกัน ตำรวจอังกฤษควบคุมตัวนายเดวิด มิรันดา สามีของนางเกลนน์ กรีนวัลด์ ผู้สื่อข่าวนสพ.เดอะ การ์เดียนไว้สอบปากคำภายใต้กฎหมายต่อต้านก่อการร้ายเป็นเวลา 9 ชม.พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อปและอื่นๆ มิรันดาถูกจับที่สนามบินฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอน ขณะกลับมาจากบ้านเกิดที่บราซิลโดยแวะที่เยอรมนีก่อน แต่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ขณะที่บราซิลแถลงเป็นห่วงถึงการทำหน้าที่ของตำรวจอังกฤษที่ควบคุมตัวพลเมืองบราซิลไว้ที่สนามบินโดยไม่ให้ติดต่อใครและขอให้รัฐบาลอังกฤษชี้แจงเรื่องดังกล่าว ส่วนกรีนวัลด์ซึ่งได้ข้อมูลลับการสอดแนมพลเรือนของสหรัฐฯจากเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ก่อนนำเผยแพร่ เผยว่าได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่อ้างมี สิทธิ์ควบคุมตัวนายมิรันดาไว้สอบสวนได้ และว่า มิรันดาถูกสอบสวนเกี่ยวกับรายงานของเอ็นเอสเอ ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน “แอมเนสตี อินเตอร์แนชนัล” ระบุว่ามิรันดาเป็นเหยื่อของกลยุทธ์แก้แค้นอย่างชัดเจน การจับกุมมิรันดาถือว่าขัดหลักกฎหมาย ขณะที่ นสพ.อีเตมัดของอิหร่าน อ้างการเปิดเผยของ พล.อ.อาลิ ฟาซลี รักษาการผู้บัญชาการกองกำลังบาซิจของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านที่ระบุว่ากำลังมีแผนสอนการล่าเครื่องบินไร้คนขับ (โดรน) ในชั้นเรียนระดับมัธยม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบทเรียน “การเตรียมพร้อมป้องกันตัวเอง” หลังอิหร่านเคยยึดโดรนรุ่นอาร์คิว-170 เซนทิเนลของสหรัฐฯเมื่อปี 2554 นับแต่นั้นอิหร่านอ้างว่ายึดโดรนของสหรัฐฯได้หลายลำรวมทั้งโดรนรุ่น “สแกนอีเกิล”