มรดกโลกที่ขึ้นทะเบียนปี 2013
2013-07-10 09:37:14











จากการประชุมครั้งที่ 37 ขององค์กร UNESCO ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้เหล่าคณะกรรมการตัดสินใจประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลกแห่งใหม่เพิ่มอีกเป็นจำนวน 19 แห่ง ซึ่งปัจจุบันมีสถานที่ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่สำคัญของโลกถึง 981 แห่ง จาก 160 ประเทศทั่วโลก โดยสถานที่ทั้ง 19 ที่ถูกเพิ่มเข้าไปนั้น มาจากประเทศไหนบ้าง และมีความสวยโดดเด่นอย่างไร วันนี้เรานำมาให้ชมกัน 10 แห่งก่อนคะ 1. เทือกเขาเทียนซาน, ประเทศจีน เทือกเขาเทียนซานในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ที่เดียวกับที่เราได้ยินในหนังจีนโบราณอยู่บ่อย ๆ นี้ มีชื่อเสียงจากวิวทิวทัศน์อันงดงามเมื่อยอดเขาหิมะปกคลุม ไล่เรียงลงมาถึงผืนทะเลทรายและทุ่งหญ้าที่อยู่ด้านล่าง ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังมี “ทะเลสาบเทียนฉือ” ทะเลสาบกลางหุบเขาเป็นเสน่ห์อีกอย่างทำให้ให้ที่นี่ดูสวยยิ่งขึ้น 2. ภูเขาไฟเอตนา, ประเทศอิตาลี ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในยุโรปแห่งนี้ยังคงปะทุอยู่แม้ในปัจจุบัน และมันจะดูงดงามเป็นพิเศษในช่วงหน้าหนาว เมื่อถูกปกคลุมด้วยหิมะไปทั่ว แต่กลับมีกลิ่นอายความร้อนระอุของลาวาอยู่ เกิดเป็นภาพร้อนตัดเย็นกลายความแตกต่างที่ลงตัว ซึ่งพอมาอยู่ด้วยกันแล้วเหมือนเป็นภาพงานศิลปะของจิตกรเลยทีเดียว 3. ปล่องภูเขาไฟเอล ปินากาเต และพื้นที่สงวนชีวมณฑลแกรน เดเซียร์โต เด อัลตา, ประเทศเม็กซิโก ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของภูเขาไฟที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลเม็กซิโกแห่งนี้ ทำให้มันเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกว่า 40 ชนิด นกอีก 200 และสัตว์เลื้อยคลานราว 40 ชนิด รวมทั้งยังมีพวกสัตว์น้ำกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอาศัยอยู่เช่นกัน โดยมันมีพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 7,416 ตารางกิโลเมตร 4. ทะเลทรายนามิบ, ประเทศนามิเบีย พูดถึงทะเลทรายแล้วใครๆ เป็นต้องนึกถึงความแห้งแล้งร้อนระอุกันก่อนแน่ ๆ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ทะเลทรายนามิบโดดเด่นแตกต่างจากที่อื่น จากการที่มันเป็นทะเลทรายที่บรรจบพบกับน้ำทะเลพอดี เกิดเป็นภาพความแตกต่างที่สมบูรณ์แบบอย่างไม่น่าเชื่อ ทะเลทรายแห่งนี้จึงสวยตรึงใจจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก 5. อุทยานแห่งชาติทาจิค, ประเทศทาจิกิสถาน เขตสงวนที่ใหญ่ที่สุดในแถบเอเชียกลางแห่งนี้ ยังคงสวยงามปราศจากการรุกรานของมนุษย์ โดยพื้นที่ซึ่งรายล้อมไปด้วยภูเขาขนาดใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และพืชพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงพวกสัตว์หายาก อย่างเสือดาวหิมะและหมาป่าแดงที่ใกล้สูญพันธุ์เข้าไปทุกทีแล้วด้วย ทำให้มันเป็นแหล่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และควรค่าแก่การเก็บรักษาเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดูแลกันต่อ 6. เรด เบย์ บาสก์ เวลลิง สเตชั่น, ประเทศแคนาดา สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนแหล่งรวมประวัติศาสตร์การล่าปลาวาฬเลยก็ได้ เพราะมันมีทุกข้อมูลที่คุณต้องการจะรู้ ไล่ตั้งแต่วิธีการไล่ล่า มาถึงการชำแหละ ไปจนถึงการสกัดน้ำมันจากปลาวาฬ โดยมันเป็นที่ผลิตน้ำมันจากปลาวาฬที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีประวัติเก่าแก่ยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 แล้ว มันจึงควรค่าแก่การอนุรักษ์เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้กัน 7. ทุ่งนาขั้นบันไดฮาหนี, ประเทศจีน ทุ่งนาขั้นบันไดฮาหนี ในเมืองหงเหอ มณฑลยูนนาน ประเทศจีน มีความสวยงาม เป็นทุ่งนาที่ถูกจัดขึ้นไล่เรียงเป็นรูปขั้นบันได้สมชื่อจริง ๆ เพราะมันถูกจัดไล่เป็นขั้น ๆ เกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยงามราวกับงานศิลปะ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสะท้อนกลิ่นอายวัฒนธรรมของชาวบ้านท้องถิ่นที่นิยมเพาะปลูกแบบขั้นบันไดอีกด้วย 8. ป้อมโบราณสถานเมืองแกซอง, ประเทศเกาหลีเหนือ แม้จะเป็นประเทศปิดแต่ความงามของป้อมโบราณสถานเมืองแกซองก็ยังเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลก โดยป้อมปราการนี้สร้างขึ้นเพื่อคุ้มกันเมืองแกซอง เมืองหลวงในยุคราชวงศ์โคเรียว ซึ่งมันอยู่บริเวณตอนเหนือของเส้นกั้นเขตแดนจากเกาหลีใต้พอดี และเมื่อมาที่นี่คุณจะสัมผัสได้ถึงอารยธรรมเก่าแก่ของประเทศเกาหลีทันที เพราะเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างอายุไม่ต่ำกว่าพันปีมากมาย ทั้งโรงเรียน บ้านเรือน รวมไปถึงสุสานของกษัตริย์คองมิน 9. เมืองท่าประวัติศาสตร์เลวูกา, ประเทศฟิจิ เมื่อคุณได้เดินทางมาชมเมืองนี้แล้ว รับรองว่าจะต้องตื่นตาตื่นใจไปกับสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของมันแน่นอน เพราะสิ่งก่อสร้างในเมืองนี้เป็นศิลปะแบบโคโลเนียลทั้งหมด จนเหมือนเราหลุดเข้ามาอยู่ในสมัยโบราณเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งก่อสร้างที่เด่น ๆ ในเมืองนี้ได้แก่ โบสถ์ Sacred Heart และพิพิธภัณฑ์ฟิจิ 10. วนอุทยาน เบิร์กพาร์ค วิลเฮล์มโชเฮ, ประเทศเยอรมนี ด้วยพื้นที่กว่า 2.4 ตารางกิโลเมตร ทำให้มันได้ชื่อว่าเป็นสวนบริเวณลาดเขาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก โดยวนอุทยานซึ่งถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์บารอคนี้ มีสิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษ คือ รูปปั้นทองแดงที่ทำเป็นรูปของเฮอร์คิวลิส เทพผู้ทรงพลังตามตำนานกรีก และช่วงต้นเดือนเมษายนไล่ไปถึงเดือนตุลาคม ทุกวันพุธกับวันอาทิตย์ช่วงบ่ายจะมีการปล่อยน้ำตั้งแต่บริเวณรูปปั้นเฮอร์คิวลิสไล่ไปตามขั้นบันได ก่อนจะสิ้นสุดที่ลานน้ำพุ เป็นภาพที่สวยงามมาก
Admin : admin
view
:
1410

Post
:
2013-07-10 09:37:14


ร่วมแสดงความคิดเห็น