ชวนคิด! เหตุอดีตพระมิตซูโอะสนิทไฮโซสาว
2013-07-01 12:40:45


จากกรณี อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ ได้แถลงผ่านคลิปวิดีโอว่า ได้จดทะเบียนสมรสกับ นางสุทธิรัตน์ มุตตามระ หรือ แอน อีกทั้งยังเชื่อว่าน่าจะเป็นเนื้อคู่กันแต่ชาติปางก่อน ก่อนทั้งคู่จะเดินทางประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดก็มีอดีตลูกศิษย์คนสนิท โพสต์ข้อความเชิงลึกแฉปมสึกลงในเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ข่าวไทยอีนิวส์ นำเสนอเฟซบุ๊ก ผู้ใช้นามว่า กุหลาบ ปากซัน โพสต์คำบอกเล่าของลูกศิษย์คนสนิทของท่าน (อดีตพระมิตซูโอะ) ระบุว่า มีโยมที่วัดบอกว่า ผญ. คนนี้วันวันเอาแต่นั่งจ้องพระอาจารย์มิตซูโอะเป็นชั่วโมง ใครเข้าไปกราบท่าน หล่อนไม่ถอยออกมา นั่งจ้องอยู่เช่นนั้นต่อมา ผญ.เสนอให้การรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการทำ chelation โดยต้องไปทำที่ clinic ทองหล่อ ซอย 4 อาทิตย์ละ 1 ครั้ง 2 ครั้งแรกเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯเดินทางไปด้วย แต่ตัว ผญ.ไม่ได้ไป "หลังจากนั้นเพิ่มเป็นทุก 2 วัน ไม่มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯติดตามไปด้วย และ ผญ.เสนอว่า ต้องไป clinic บ่อยอยู่แล้ว จึงให้คนขับรถของหล่อนมารับไปกิจนิมนต์ด้วยเลยทุกวัน ซึ่งรถที่มารับเป็นรถตู้สีขาว ติดฟิล์มดำสนิท มีกระจกกั้นระหว่างคนขับกับห้องโดยสาร ไม่สามารถมองเห็นและได้ยินห้องโดยสารได้" อดีตลูกศิษย์ระบุ และว่า ชั้นแรก เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯแจ้งท่านว่ารถคันนี้ไม่เหมาะสม จึงให้ ผช.ในวัดติดตามไปด้วย 1 คน แล้วมารู้ทีหลังว่า โดน ผญ.สั่งให้ไปนั่งกับคนขับรถ บางครั้งไปนั่งด้านหน้า 3 คน รวมคนขับเป็น 4 คน ตอนลงรถคิดว่ามากันหลายคน มาทราบภายหลังว่าทุกคนโดน ผญ.สั่งให้ไปด้านหน้าทั้งหมด เฟซบุ๊กโพสต์อีกว่า พระอาจารย์มีกิจนิมนต์ที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 2-17 พฤษภาคม (ผู้หญิงไม่ได้ไป) ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ผญ.คนนี้ก็มารับพระอาจารย์ที่มูลนิธิฯ ไปทำ chelation ทุกวัน เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามว่าทำไมต้องไปทุกวัน ผญ.ตอบว่ามีการทำ stem cell ร่วมด้วยจึงต้องไปทุกวัน ปกติพระอาจารย์จะต้องตรวจสุขภาพที่ รพ.วิชัยยุทธ แต่ท่านปฏิเสธการตรวจสุขภาพทั้งหมด เจ้าหน้าที่มูลนิธิเห็นสิ่งผิดปกติของ ผญ.คนนี้ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างไร พอมาคิดย้อนหลังจึงพบว่าพระอาจารย์เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป นั่งเหม่อเก็บตัวมีอาการโมโหโกรธบางครั้ง ซึ่งท่านไม่เคยเป็นแบบนี้เลย อดีตลูกศิษย์คนสนิทระบุอีกว่า การติดตามของเราที่จะให้ได้พบตัวท่านเพียงเพื่อจะได้เห็นกับตาว่าท่านสึกแล้วจริงหรือไม่ และจากกล้อง CCTV เราจึงบอกกับทางมูลนิธิฯว่าสึกจริงแล้วยืนยันได้ แล้วเราก็ปรึกษากันตัดสินใจไปดักรอพบท่านที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะได้รับแจ้งจากวัดป่านานาชาติจากแหล่งข้อมูลเดิมว่าจะเดินทางออกนอกประเทศไปฮ่องกง เช้ามืดวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน ผมตรวจสอบแล้วว่ามีสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ เช้าที่สุดคือเวลา 02:15 น. เราจึงไปถึงสนามบินในเวลาเที่ยงคืนก็ได้พบกับท่าน "เราได้เข้าไปคุยกับท่านถามถึงเหตุผลที่สึก ท่านตอบว่าเป็นพระสอนได้แค่คนที่เคารพผ้าเหลือง ถ้าเป็นคนธรรมดาจะสอนคนได้ทุกชาติทุกศาสนา และเราขอให้ท่านอยู่ที่มูลนิธิฯต่อซัก 2-3 วัน แล้วค่อยตัดสินใจใหม่ ท่านปฏิเสธ และเราถามอีกว่าท่านสึกแล้วทำไมถึงมากับผู้หญิง ท่านตอบว่าด้วยเหตุและปัจจัย" อดีตลูกศิษย์ระบุ อดีตลูกศิษย์ระบุอีกว่า สิ่งผิดปกติที่เราสังเกตเห็นคือมือของท่านทั้งสองข้างคล้ำแบบดำเขียวเหมือนกับช้ำมาก เฉพาะที่มือทั้งหน้ามือและหลังมือ จึงถามท่านว่า ทำไมมือของท่านดำมาก ท่านไม่สบายหรือเปล่า ท่านเก็บมือใส่กระเป๋าเสื้อแล้วบอกว่าสบายดีไม่เป็นอะไร แต่เราไม่ยอมจึงขอให้ท่านเอามือออกมาเทียบกับมือของผมก็พบว่ามือของท่านผิดปกติ แต่ท่านก็ยังยืนยันว่าสบายดี ในระหว่างที่ถามท่านแสดงอาการไม่พอใจที่มาพบท่านและพูดไล่เรากลับไป ซึ่งอาการเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน ท่านไม่เคยปฏิเสธใคร ดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน วันนั้นเรายืนมองท่านเดินจากไป "เห็นท่าเดินที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเป็นท่าเดินที่ลากเท้าเหมือนคนอ่อนแรง ปกติจะเป็นคนที่เดินแบบยกเท้าพ้นพื้นแล้วจรดเท้าลงแบบเดินจงกรม เห็นท่ายืนรอ ผญ.แลกเงินอย่างเหม่อลอย เป็นภาพที่เรารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะช่วยท่าน แต่จะด้วยอะไรก็ตามวันนั้นเราทำเพียงยืนดูท่านจากไปคืนนั้น" อดีตลูกศิษย์ระบุ ความรู้สึกของผมจากการหาข้อมูลด้วยตัวเอง และการติดตามใน 3 วัน ทำให้ผมคิดตลอดเวลาว่าจะช่วยท่านได้อย่างไร ผมเชื่อว่าไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่เนื้อคู่ ไม่ใช่คู่บุญบารมีอะไรหรอกครับท่าน ผมตัดสินใจในวันนี้ว่าจะต้องเล่าสิ่งที่ผมรู้ทั้งหมด ในฐานะลูกศิษย์คนหนึ่งที่ศรัทธาท่านและระลึกถึงบุญคุณที่ท่านทำไว้ให้กับชาวไทยอย่างล้นเหลือ" อดีตลูกศิษย์คนสนิทระบุ ผลสรุปของเรื่องนี้ยังไม่มีฝ่ายใดออกมาอธิบายอย่างแน่ชัด คงต้องรอทุกฝ่ายยืนยันอีกครั้งหนึ่ง
Admin : admin
view
:
1329

Post
:
2013-07-01 12:40:45


ร่วมแสดงความคิดเห็น